
EFORL เพิ่มทุน 644 ล้านบาท ขยายธุรกิจเครื่องมือทางการแพทย์และเสริมความงามแบบครบวงจร หวังสร้างรายได้ให้เติบโตอย่างสม่ำเสมอและช่วยพลิกฟื้นผลประกอบการให้กลับมาสดใส ”ปรีชา นันท์นฤมิต”ถือฤกษ์ดีไตรมาส 3/61 เดินหน้าขยายธุรกิจแบบเต็มสูบ พร้อมขอบคุณผู้ถือหุ้นเข้าใจอนุมัติโหวตผ่านมติเพิ่มทุน
นายปรีชา นันท์นฤมิต ประธานกรรมการ บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จํากัด (มหาชน) หรือ (EFORL) เปิดเผยว่าบริษัทฯ เตรียมเงินลงทุนประมาณ 644 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและขยายธุรกิจทั้งด้านธุรกิจเครื่องมือทางการแพทย์และธุรกิจเสริมความงามแบบครบวงจร โดยจะเริ่มลงทุนในไตรมาส3/2561 ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอและทำให้ผลประกอบการพลิกฟื้นกลับมาสดใส
“บริษัทฯ มีแผนขยายธุรกิจเครื่องมือแพทย์ โดยจะเพิ่มสินค้าใหม่ และขยายการเติบโตธุรกิจจากตั วแทนจําหน่ายไปสู่การผลิตเครื่องมือแพทย์บางรายการ อีกทั้งมีแผนขยายธุรกิจความงามอย่างครบวงจรเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการทําโรงพยาบาลศัลยกรรมความงามการสร้างสาขาแบบ one stop shop การปรับปรุงสาขาให้ตรงกับพฤติ กรรมของผู้บริโภค การเพิ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสํ าอางและสินค้าใหม่ๆ การขยายสาขาในระบบ Franchise ให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าและตลาดเป้าหมายมากยิ่งขึ้น”
นายปรีชา กล่าวต่อว่าต้องขอบคุณผู้ถือหุ้นที่ให้ความไว้วางใจพิจารณาวาระการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในครั้งล่าสุดที่อนุมัติ ให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจาก 1,369,367,098.50 บาท เป็น 2,577,488,835.45 บาท ออกหุ้นสามัญจํานวน16,108,289,826 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.075 บาท รวม1,208,121,736.95 บาท เสนอขายแก่บุคคลในวงจํากัด (Private Placement) จํานวน 5 ราย ประกอบด้วย นายวิชัย ทองแตง,ดร.ชาคริต ศึกษากิจ, นายเกรียงไกร เธียรนุกุล, นายชวลิต เศรษฐเมธีกุล และนายเกรียงไกร ฏิระวณิชย์กุล ในราคาหุ้นละ 0.040 บาท มูลค่ารวม 644,331,593.04 บาท
“บริษัทเชื่อว่านักลงทุน 5 ราย ที่เข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทนั้น เป็นบุคคลที่รู้จักกันอย่าง
กว้างขวาง มีความรู้ ความสามารถ และมีประสบการณ์ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับบริษัท ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพธุรกิจในปัจจุบันให้มีโอกาสเติบโตขยายต่อไปในอนาคต ส่งผลให้บริษัทมีฐานะทางการเงินดีขึ้น ลดความเสี่ยงจากส่วนของผู้ถือหุ้นบริษัทจะต่ำกว่าศูนย์ และประโยชน์ในรูปของเงินปันผลในอนาคตหากบริษัทมีผลกําไร ”
สำหรับวัตถุประสงค์ในการเพิ่มทุนครั้งนี้ เพื่อปรับโครงสร้างทางธุรกิจของบริษัทและกลุ่มบริษัทย่อยและใช้เป็นแหล่งเงินทุนในการเตรียมความพร้อมสำหรับการลงทุนในอนาคต เสริมสร้างความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน รวมถึงรองรับการลงทุนในธุรกิจเกี่ยวกับการแพทย์และความงามอีกด้วย