ขณะที่นายกรัฐมนตรีกำลังปลื้มกับตัวเลขเศรษฐกิจที่เติบโตดีในไตรมาสที่ผ่านมาและข้ามมาถึงไตรมาสแรกของปีนี้ ที่การส่งออกเป็นตัวพารวยเพราะมีสัดส่วนถึง 75 % ของจีดีพี แต่พอทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าเท่านั้น ปั่นป่วนกันไปทั่ว
ดัชนีหุ้นนิวยอร์กตกพรวด ดัชนีหุ้นไทยพากันสะดุ้ง ทั้งๆที่มีเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติไหลเข้ามากว่า 3 พันล้านบาท ซึ่งตรงกันข้ามกับช่วงต้นปีที่ติดลบเกือบจะตลอด
เหตุทั้งนี้เป็นเพราะ กว่า 50% ของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์มีกิจการเชื่อมโยงกับการส่งออก โดยเฉพาะบริษัทชิ้นส่วนผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นสินค้าส่งออกทำรายได้สูงสุดให้แก่ประเทศ และมีตลาดใหญ่อยู่ที่สหรัฐอเมริกา
จะเข้าข่ายถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มหรือไม่ ยังต้องดูที่การตีความ เพราะภาษีที่จะเก็บเพิ่มนั้น เป็นภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์เหล็กและอะลูมิเนียม
แต่ก็คงจะไม่หยุดแค่นั้น เพราะทรัมป์หันกลับไปใช้นโยบายปกป้องสินค้าภายในประเทศ (Trade Protectionism) โดยประกาศว่า จะสนับสนุนสินค้า Made in America เต็มที่ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง
การปกป้องสินค้าทำในอเมริกา จะเป็นการเลือกปฏิบัติ เพราะมีนักลงทุนต่างชาติไปลงทุนตั้งโรงงานผลิตสินค้าในอเมริกามาก
เครือซีพีของเราก็มีอยู่หลายบริษัท ที่ถูกเพ่งเล็งขณะนี้ก็คือโรงงานปลากระป๋องในรัฐเมน อันเป็นรัฐที่มีการทำประมงใหญ่ที่สุดของสหรัฐ
โรงงานปลากระป๋องไทยเป็นกิจการผลิตภัณฑ์ประมงที่ใหญ่ที่สุดในรัฐนี้ หรืออาจจะทั้งสหรัฐอเมริกา
นอกจากตลาดอเมริกาเหนือแล้ว ตลาดยุโรปก็กระทบด้วย เพราะมีการประกาศต่อต้านการขึ้นอัตราภาษีขาเข้าของประธานาธิบดีทรัมป์อย่างรุนแรง
คาดว่าจะมีการขึ้นภาษีตอบโต้สินค้าสหรัฐอเมริกาถึง 25% โดยสินค้าอเมริกันเป้าหมายถูกขึ้นภาษีขาเข้าตอบโต้ครั้งนี้จะมีมูลค่าถึง 2.8 พันล้านยูโร
หากใช้มาตรการเรียกเก็บเสมอภาค สินค้าไทยไปยุโรปก็น่าจะโดนเรียกเก็บภาษีในอัตราเดียวกันกับสินค้าอเมริกัน...กลายเป็นความเดือดร้อนไปทั่วโลก จากนโยบายระห่ำของทรัมป์
แม้คนค่อนประเทศ โดยเฉพาะนักเศรษฐศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจการค้าที่อยู่ในรัฐบาลทรัมป์จะพากันคัดค้าน แต่ทรัมป์กลับยืนยันในนโยบายของเขา
เมื่อค้านแล้วไม่ยอมฟัง แกรี่ คอห์น ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ(National Economic Council) และรัฐมนตรีพาณิชย์ ก็เลยประกาศลาออก ทั้งนี้ เพราะ ทรัมป์แหกทฤษฎีการค้าได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบ ที่เปิดการค้าเสรี ชาติคู่ค้าต่างฝ่ายต่างได้เปรียบในสินค้าแต่ละประเภท แต่ละหมวดต่างกัน เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วก็หักกลบความต่างของมูลค่า
เช่นไทยได้เปรียบดุลการค้าในหมวดสินค้าผลิตภัณฑ์เกษตร แต่เสียเปรียบดุลการค้าในหมวดสินค้าเทคโนโลยีสหรัฐอเมริกา เป็นต้น
เมื่อไม่ฟังความคิดเห็นใครทั้งสิ้นเช่นนี้ ที่ปรึกษามันสมองระดับรางวัลโนเบลเช่นคอห์นก็เห็นว่าอยู่ไปก็ไร้ประโยชน์ ซ้ำถ้านโยบายนี้สร้างความเสียหายให้ประเทศและกระทบผลประโยชน์ของชาวอเมริกัน ตนก็จะตกเป็นจำเลยสาธารณะได้ ในฐานะร่วมทีมเศรษฐกิจของทรัมป์
คอห์นทำงานชิ้นโบแดงให้ทรัมป์ชิ้นหนึ่งเมื่อปลายปีที่แล้ว นั่นคือการปฏิรูปภาษีเงินได้ ที่ทำให้คนอเมริกันรับภาระด้านภาษีลดลง
ทรัมป์เชื่อมือคอห์นมาก ด้วยภูมิหลังอันสวยสด จากการเป็นทั้งประธานบริษัทและซีอีโอของโกลด์แมนแซคส์ ทำให้เขามั่นใจว่าจะทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกากลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอีกครั้งหลังจากประสบความถดถอยครั้งใหญ่มาหลายปี
ในเวลาเดียวกับที่คอห์นประกาศลาออก Goldman Sachs Group Inc. ได้แสดงความเห็นตามรอยอดีตประธานว่า การขึ้นภาษีขาเข้าของทรัมป์ครั้งนี้ จะยังผลให้ผู้ผลิตในประเทศที่มีความจำเป็นต้องนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศมีต้นทุนสูงขึ้น
คนอเมริกันจะต้องรับภาระบริโภคสินค้าในราคาสูงขึ้น อัตราขยายตัวของเงินเฟ้อก็จะโตตาม
หากเป็นไปตามที่ประธานเฟดคนใหม่คาดการณ์แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงของเฟดว่าปีนี้น่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้ง ก็ทำให้เกิดความกังวลว่าต้นทุนผลิตในอเมริกาจะสูงขึ้น
สำหรับการกลับมาซื้อของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทยนั้น ส่วนหนึ่งเป็นการกลับมาซื้อตามวัฏจักรจากการที่เป็นฝ่ายขายมาตลอดตั้งแต่สิ้นปีที่แล้ว แต่ส่วนหนึ่งก็เกิดจากการกระตุ้นของค่าความผันผวนในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาด้วย
ผลกระทบเช่นนี้มีมาก เนื่องจากสัดส่วนการลงทุนของต่างชาติในตลาดหุ้นไทยมีเพียง 15% เท่านั้น
อีกด้านหนึ่ง การก่อสงครามการค้าของทรัมป์เช่นนี้ ทำให้คาดหมายอัตราเติบโตเศรษฐกิจโลกต้องเปลี่ยนแปลง
เมื่อปลายปีที่แล้ว กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประเมินว่า อัตราเติบโตของเศรษฐกิจโลกโดยรวมตลอดปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 3.9% แต่เมื่อเกิดการตั้งกำแพงภาษีและใช้ลัทธิปกป้องทางการค้าขึ้น ตัวเลขคาดการณ์ก็ย่อมจะลดลง น่าจะอยู่ที่ 3.6%
สำหรับย่านที่จะได้รับผลกระทบที่สุดจะเป็นย่านอาเซียน เหตุจากเป็นตลาดเกิดใหม่ที่มีอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในโลกในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
ไทยอยู่ในกลุ่ม 6 เสืออาเซียน (สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เวียดนาม ไทย) ก็คงจะติดกลุ่มได้รับผลกระทบรุนแรงไปด้วย
แต่ผลการขึ้นภาษีขาเข้าของทรัมป์ แม้จะกระทบมาก ทว่าก็คงจะไม่มากไปกว่าผลทางการเมืองภายในประเทศไทย