นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ MTL เปิดเผยว่า ในปี 2560 ที่ผ่านมาถือเป็นปีแห่งความสำเร็จของบริษัทฯ ในหลายมิติ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพของทีมงานที่มีคุณภาพ ระบบการบริหารจัดการที่ดี รวมถึงการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่สามารถ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างตรงจุดได้เป็นอย่างดี โดยในด้านผลการดำเนินงานของเมืองไทยประกันชีวิต ในปี 2560 สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 102,681 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 6% จากปี 2559 เป็นเบี้ยประกันภัยรับใหม่ 31,066 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยปีต่อไป 71,615 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมธุรกิจประกันชีวิตในปี 2561 ยังถือเป็นปีแห่งความท้าทายเพราะการดำเนินธุรกิจจะอยู่บนยุคที่โลกมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โลกก้าวสู่ความเป็นดิจิทัลมากขึ้น พฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคมีความเฉพาะเจาะจง ดังนั้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการบนโลกยุคใหม่อย่างตรงจุดเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับบริษัทฯ จึงได้กำหนดกลยุทธ์หลักในการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นการเข้าไปอยู่ในใจลูกค้า ภายใต้นโนบาย “Customer @ the heart” พร้อมเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และนวัตกรรมเพื่อมาตอบโจทย์แบบ Outside in ซึ่งจะเข้าถึงความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ หัวใจของ “Customer @ the heart” ถูกแบ่งออกเป็น 5 ด้าน ประกอบด้วย 1.Segment of one ซึ่งจะมุ่งเน้นการคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ สู่ลูกค้าในรูปแบบที่เป็น One to One ซึ่งจะเหมาะกับลูกค้าเฉพาะบุคคลมากยิ่งขึ้น 2.Health focus คือการเดินหน้าสู่การเป็นผู้นำด้านการดูแลสุขภาพที่ตอบโจทย์ได้อย่างครบวงจรในทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมปลดล็อคข้อจำกัดด้านประกันสุขภาพและสร้างนวัตกรรมใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง 3.Digital insurer บริษัทฯ ได้มีการพัฒนา Platform และเครื่องมือเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในการให้บริการด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยและทัน ต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ 4. Regional company
บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับการขยายตลาดไปสู่ประเทศที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการมีผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าในต่างประเทศ อาทิ บริการ Global Connect ซึ่งลูกค้าที่เจ็บป่วยในต่างประเทศสามารถเคลมค่ารักษาพยาบาลโดยไม่ต้องสำรองจ่าย และ 5.Touch Points ซึ่งเป็นจุดในการสัมพันธ์กับลูกค้าเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นช่องทางการขายหลักๆ เช่น ช่องทาง Face to Face, Digital, สาขา, Visual ฯลฯ
นายสาระ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากกลยุทธ์หลักทั้ง 5 ด้านดังกล่าวแล้ว บริษัทยังคงเดินหน้าในการสร้าง Ecosystem partnership ด้วยการสร้างเครือข่ายกับพันธมิตรทางธุรกิจในด้านต่างๆ รวมถึงนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ บริการที่เข้าถึงและกิจกรรมที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมเพื่อการดูแลสุขภาพอย่าง MTL Six Packs หรือบริการด้านการดูแลผู้ป่วยแบบ Home Care จาก Health at Home รวมถึงการทำกิจกรรมเพื่อสังคมในด้านต่างๆ การให้บริการด้วยมาตรฐานระดับสากล และการดำเนินธุรกิจบนหลักธรรมาภิบาล
นอกจากนี้เพื่อตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการบนโลกยุคใหม่อย่างไม่หยุดยั้ง จึงได้จัดตั้ง Fuchsia Venture Capital (Fuchsia VC) ซึ่งเป็นบริษัทของเมืองไทยกรุ๊ปขึ้น เพื่อเชื่อมต่อกับพันธมิตรในกลุ่มที่เป็นสตาร์ทอัพในการลงทุนและนำนวัตกรรมและเทคโนโลนีในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทางด้าน Insure Tech, Health Tech, IoT หรือนวัตกรรมในด้านอื่นๆ เพื่อเพิ่ม Know how ความสามารถและการตอบโจทย์ลูกค้าในทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างเข้าถึง
ล่าสุด เพื่อตอบโจทย์ความต้องการบนโลกยุคดิจิทัล บริษัท เมืองไทย โบรกเกอร์ จำกัด ยังได้เปิดตัวบริการซื้อขายประกันแบบออนไลน์ ภายใต้ชื่อ “Gettgo” ขึ้น ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่จะช่วยทำให้เรื่องของการซื้อประกันเป็นเรื่องที่ง่าย สะดวก รวดเร็ว คุ้มค่า ประหยัด โดยสามารถค้นหา เปรียบเทียบ จนทำให้สามารถเลือกแบบประกันที่เหมาะสมกับความต้องการของตนเองได้มากที่สุด ด้วยวิธีง่ายๆ เพียงแค่เข้าเว็บไซต์ www.gettgo.com
“ในปี 2561 นี้ถือเป็นปีแห่งการยกระดับในทุกมิติของเมืองไทยประกันชีวิต เพื่อสร้างสรรค์และตอบโจทย์ในสิ่งที่ลูกค้าต้องการอย่างตรงจุด และเชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีดังเช่นที่ผ่านมา ซึ่งจะส่งผลให้ปีนี้จะเป็นปีแห่งความสำเร็จอีกปีหนึ่ง พร้อมตั้งเป้าหมายการเติบโตที่มั่นคงและแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดบริษัทฯ ยังได้รับข่าวดีในการได้รับคัดเลือกให้รับรางวัล “Most Innovative Life Insurance Company - Thailand 2017” จาก นิตยสาร International Finance Magazine ซึ่งจะเข้ารับรางวัลในวันที่ 26 ม.ค. 2561 นี้ สะท้อนถึงการเติบโตที่แข็งแกร่งและความโดดเด่นด้าน Innovation ของบริษัทฯ ในระดับสากลได้เป็นอย่างดี” นายสาระ กล่าว