top of page
369286.jpg

จับตาทองคำแท่ง...ตัวแปรเศรษฐกิจและการเงินโลกปี '61


ตลาดโภคภัณฑ์ต้นปีนี้ต้องจับตามองน้ำมันดิบ “ทองคำสีดำ” กับทองคำแท่ง ที่จะเป็นตัวแปรเศรษฐกิจและการเงินโลกตลอดปี

ขณะนี้ ราคาน้ำมันดิบเริ่มขยับตัวเป็นขาขึ้น จากล่าสุด 61 ดอลลาร์/บาร์เรล มีแนวโน้มปรับเป็น 70 ดอลลาร์/บาร์เรล ใน 3 เดือนข้างหน้า เมื่อเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวชัดเจน

ยิ่งกว่านั้นกลุ่มโอเปกพากันลดกำลังผลิตเพื่อดันราคาให้สูงขึ้น โดยมีกลุ่มขุดเจาะน้ำมันจากทรายของแคนาดากับหินเชลในสหรัฐพยายามพยุงราคาให้อยู่ที่จุดพึงพอใจ เพราะแม้การใช้พลังงานทดแทนและพลังงานหมุนเวียนจะเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังไม่ถึงจุดอิ่มตัวที่จะสามารถผลักพลังงานจากฟอสซิล (น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ) ออกจากตลาด ทว่าแนวโน้มจะเกิดขึ้นในปี 2020 เป็นต้นไป

ผู้ผลิตน้ำมันดิบและก๊าซ จึงไม่กล้าเร่งผลิตเพิ่มจนราคาตกไม่คุ้มทุน หรือผลิตน้อยก็มีรายได้น้อย ราคาที่คาดว่าจะเป็นราคาสมดุลในปีนี้ จึงคาดว่าจะอยู่ที่ 60-65 ดอลลาร์/บาร์เรล

ส่วนราคาทองคำ ขณะนี้กลับมาเป็นแหล่งหลบภัยทางการเงินเมื่อเงินดิจิทัลไต่ระดับขึ้นไปสูงจนหวั่นกันว่าจะกลายเป็นฟองสบู่แตก และตกลงมาราวพลุดับร่วงจากฟ้า

ราคาบิทคอยน์เมื่อต้นสัปดาห์กลางเดือนม.ค.ตกกระหน่ำต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์ โดยตกลงไป 15 % ภายใน 24 ชั่วโมง ขณะที่อันดับรอง อีเธอเลียม ลงไป 21% อันดับ 3 ริปเปิ้ล ลงไป 29%

เฉพาะบิทคอยน์นั้น ราคาช่วงกลางเดือนม.ค.อยู่ที่ 10,750 ดอลลาร์สหรัฐจากจุดขึ้นสูงสุดเมื่อเดือนธันวาคม 19,600 หรือลดลงไปถึง 40%

สาเหตุหนึ่งมาจากรัฐบาลเกาหลีใต้เตรียมออกรัฐบัญญัติห้ามการซื้อขายเงินตราสกุลดิจิทัล ซึ่งทันทีที่มีการประกาศออกมา ราคาบิทคอยน์ตกรูดจากบิทละ1,5679.70 ดอลลาร์ ลงมาเหลือ 13,736.30 ดอลลาร์ภายในวันเดียว

ซ้ำร้ายกว่านั้นก็คือ การสั่งห้ามการโอน ย้าย แลกเปลี่ยนเงินคริปโตของธนาคารกลางจีน ยังผลให้บริษัทตัวกลางซื้อ-ขายเงินคริปโตพากันย้ายฐานออกนอกจีนกันเป็นแถวๆ...ผลที่ตามมาก็คือ ตลาดเงินคริปโตมีแต่คนขาย คนซื้อมีน้อย เงินที่ขายได้ ก็พากันไหลกลับมาตลาดทองคำและตลาดหุ้น

มาร์เก็ตแคปของบิทคอยน์ล่าสุดอยู่ที่ 220-225 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดจากจุดสูงสุด 294 พันล้านดอลลาร์เมื่อ 7 ม.ค. ศกนี้

เงินไหลกลับราว 69 พันล้านดอลลาร์ ยังผลให้ราคาทองคำขยับตัวเป็นขาขึ้น เช่นเดียวกันกับตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้

ราคาทองคำซื้อขายทันที (spot gold) เมื่อ 15 ม.ค. อยู่ที่ 43.16 ดอลลาร์ต่อกรัม ขึ้นมาจากเมื่อสิ้นปีถึง 4.4 % หรือสูงสุดในรอบ 3 เดือนครึ่ง

ตัวแปรราคาทองคำอีกด้านหนึ่งคือนโยบายดอลลาร์อ่อนของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อผลในการส่งสินค้าออก ทำให้ราคาผกผันกับทองคำ จนทำให้ราคาทองคำสูงขึ้น 13% เมื่อปี 2017

คาดว่าราคาทองคำช่วงเดือนนี้จะขึ้นถึงแนวต้าน 1,350-1,355 ดอลลาร์ต่อทรอยเอานซ์

การห้ามรับแลกเปลี่ยนบิทคอยน์ของธนาคารกลางหลายประเทศรวมถึงไทย ทำให้บริษัทขายสินค้าออนไลน์หลายแห่งนำโดยอีเบย์งดรับคำสั่งซื้อที่ใช้บิทคอยน์ชำระราคา

การที่ราคาบิทคอยน์พุ่งขึ้นไปถึง 20,000 ดอลลาร์นั้น สาเหตุหนึ่งก็คือการที่นักลงทุนจีนแห่กันเข้ามาลงทุนเกือบ 20 ล้านคน

จอห์น เทย์เลอร์ จูเนียร์ ประธานและผู้ก่อตั้งบริษัทวิจัย Taylor Global Visionในนิวยอร์กติดตามความเคลื่อนไหวของบิทคอยน์อย่างใกล้ชิดมาตลอด และนำผลงานวิจัยของเขามาประเมินสถานการณ์

เทเลอร์ สรุปผลวิจัยว่า บิทคอยน์จะถึงจุดแตกดับ “crash” ในไม่ช้า แม้ว่าจะยังขึ้นไปไม่ถึงจุดสูงสุดก็ตาม

บิทคอยน์ราคาถดถอยไป 25% ภายใน 4 วันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว...เป็นจังหวะดีที่ทองคำเข้าไปแทนที่ แม้ว่าบรรดาบล็อกเชนทั้งหลายจะพากันปลอบขวัญกันว่าครั้งนี้มิใช่เป็นครั้งแรกที่ บิทคอยน์ตกกระหน่ำ

ขณะเดียวกันก็แนะนำให้คอยจังหวะที่ราคา BTC ดิ่งลงไปถึง 12,000ดอลลาร์ ที่เชื่อว่าจะเป็นจุดที่บิทคอยน์ตกลงไปต่ำสุด ให้ซื้อเก็บไว้เพื่อขายช่วงรีบาวด์ ทำเหมือนหุ้นไทย ที่ถูกแก๊งสี่โมงเย็นทุบ แล้วไล่เก็บเอาไว้เก็งกำไรวันถัดไป

BTC เคยลงไปถึง 12,000 ช่วงคริสต์มาส ซึ่งราคาเคยตกมากที่สุดถึง 2,000ดอลลาร์ภายในวันเดียว แต่เชื่อว่า เหตุการณ์แบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นอีก

แต่กระนั้นก็ยังมีความผันผวนอยู่สูง จนทำให้นักลงทุนไม่ไว้วางใจ เริ่มหันมาถือทองคำไว้เป็นหลักประกันความเสี่ยง

ตัวแปรราคาทองคำอีกตัวก็คือ ค่าดอลลาร์อ่อนสุดในรอบ 3 ปี และมีแนวโน้มอ่อนนาน

ทำให้ราคาทองคำผกผันสูงขึ้นต่อเนื่องกัน 4 วันนับแต่สุดสัปดาห์ก่อนจนถึงกลางสัปดาห์ที่แล้ว 1,344 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำสถิติสูงที่สุดในรอบ 4 เดือน

การที่ดอลลาร์ค่าอ่อนลงด้วยความกังวลว่า เฟดจะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมประจำเดือนนี้หรืออาจจะรวมถึงเดือนหน้าด้วย โดยเหตุผลว่านโยบายลดภาษีเงินได้ของประธานาธิบดีทรัมป์จะทำให้สหรัฐขาดดุลงบประมาณมหาศาล

กระแสเงินโลก โดยเฉพาะสหรัฐจึงไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ รวมถึงไทย จนทำให้ตลาดหุ้นทำ HIGH กันไปทั่วโลก ทองคำเลยได้อานิสงส์ทางด้านนี้อีกด้าน ราคาเคลื่อนไหวเหนือ 1,340 โดยมีแนวทดสอบที่ 1,350 แนวต้านที่ 1,345-1,352 ดอลลาร์

ช่วงนี้จึงต้องจับตาดูค่าดอลลาร์กับดัชนีตลาดหุ้นนิวยอร์ก รวมถึงราคาบิทคอยน์...ถ้าดอลลาร์ยังอ่อนค่าลงไปลึกกว่านี้อีก ราคาบิทคอยน์ยังไถลลงไปอีก ราคาทองคำจะไต่ขึ้นมาแทน

สำหรับราคาที่บรรดาโบรกเกอร์แนะให้ซื้อ คือ 1,325-1,335 ดอลลาร์

ช่วงที่บิทคอยน์กำลังพุ่งแรงนั้น เงินจากตลาดหุ้น ทองคำโภคภัณฑ์ ตราสารหนี้ ฯลฯ ไปเข้าบิทคอยน์กันจนตลาดเหงา แต่วันนี้ บิทคอยน์ขาลง เงินทุนเหล่านั้นเริ่มไหลกลับ และเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ

เข้าตำรา เงินทองไปเที่ยว เดี๋ยวก็มา

120 views
bottom of page