top of page
379208.jpg

บอร์ด JWD เคาะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.15 บาทต่อหุ้น...เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 23 ม.ค. นี้


‘เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์’ หรือ JWD ผู้นำธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ภาคพื้นดิน ทางเรือและทางอากาศอย่างครบวงจร แจ้งมติบอร์ดไฟเขียวจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันอังคารที่ 23 ม.ค. นี้ และจ่ายเงินปันผลวันศุกร์ที่ 9 ก.พ. 61 หลังธุรกิจขาหลักเติบโตได้ตามเป้าหมาย มีกำไรสะสมเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและมีสภาพคล่องเพียงพอในการดำเนินธุรกิจ ตอกย้ำเป็นหุ้นที่สร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุน

นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD ผู้นำธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ภาคพื้นดิน ทางเรือและทางอากาศอย่างครบวงจร (Total Logistics Solutions Provider) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ วันที่ 11 มกราคม 2561 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล จากผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2560 (มกราคม-กันยายน 2560) และกำไรสะสม ในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 153 ล้านบาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันอังคารที่ 23 ม.ค. นี้ และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแก่ผู้ถือหุ้นที่ได้รับสิทธิ์ในวันศุกร์ที่ 9 ก.พ. 2561

สำหรับการอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล เนื่องจาก JWD มีผลการดำเนินงานตามงบการเงินรวม งวด 9 เดือนแรกปี 2560 เติบโตตามเป้าหมาย โดยมีรายได้จากการให้เช่าและการให้บริการ 1,792.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการให้เช่าและการให้บริการ 1,661.4 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 146.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 384.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ (หลังหักรายการพิเศษ) จำนวน 51.4 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมีกำไรสุทธิเฉพาะกิจการงวด 9 เดือนแรกปี 2560 และกำไรสะสมหลังหักสำรองตามกฎหมาย จำนวน 166.1 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสะสมและสภาพคล่องที่เพียงพอต่อการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล

“การอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำว่า JWD เป็นบริษัทฯ ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ ผู้ถือหุ้น โดยนับจากที่นำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อปลายปี 58 JWD มีการจ่ายเงินปันผลทุกปี โดยในงวด 9 เดือนแรกของปี 60บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งมาจากการขยายการลงทุนในอาเซียนและภาพรวมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ที่ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะ ธุรกิจขนส่งและกระจายสินค้าทั้งในประเทศและข้ามแดน คลังสินค้าทั่วไป ธุรกิจรับฝากและบริหารยานยนต์ คลังสินค้าห้องเย็น เป็นต้น โดยในไตรมาสสุดท้ายของปี เรายังคงเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการรับรู้รายได้และกำไรจากการเข้าซื้อกิจการ Freight และการขายทรัพย์สินเข้ากองทรัสต์ เรามีความมุ่งมั่นบริหารธุรกิจเพื่อผลักดันรายได้และผลกำไรให้เติบโตได้ตามแผนงานที่วางไว้ พร้อมทั้งก้าวสู่การเป็นผู้นำธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์อย่างครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน” นายชวนินทร์ กล่าว

12 views
bottom of page