นักวิชาการ/ประชาชน มองต่างมุม รองนายกสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ...สำรวจของจริงไม่มั่นใจเศรษฐกิจไทยโต ชี้ที่จีดีพีโตเฉพาะในเมืองและตลาดบน นอกนั้นยังรุ่งริ่ง เตือนคนไทยใช้สอยอย่างระมัดระวัง
ตามที่มีรายงานเศรษฐกิจ ที่มีการประเมินของหน่วยงานทางการหลายหน่วยงาน สรุปและการประเมินแนวโน้ม GDP ในปี 2560 ที่ดีขึ้น และปรับตัวเลขจาก 3.6% เป็น 3.8% บางแห่งให้ไปถึง 4% ทำให้รองนายกรัฐมนตรีสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มีความพอใจว่าเศรษฐกิจไทยดีขึ้น และประกาศว่า ปีหน้า 2561 จะยิ่งเติบโตดีต่อเนื่อง มีความสดใสมากกว่าปีนี้ ถือเป็นปีแห่งโอกาสของประเทศ เนื่องจากเชื่อมั่นว่าหากทุกภาคส่วนร่วมมือกับรักษาระดับการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ GDP ปี 2561 ให้อยู่ที่ระดับ 4-5% โดยจะต้องเร่งดำเนินการใน 3 ส่วน คือ 1.การช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย 2.การเดินหน้าในลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ และ 3.การเตรียมความพร้อมเข้าสู่โลกยุคดิจิทัล
อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบถามจากภาคเอกชน ธุรกิจ ในชนบท ตลอดจนนักวิชาการ ยังคงมีมุมมองที่แตกต่างจากทางการว่า เศรษฐกิจไทย ไม่ได้ดีมากอย่างที่หน่วยงานทางการสำรวจและรายงานซึ่งอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดมีผลต่อการดำเนินการเชิงนโยบายของทางการได้ โดยถ้าหากมีการสำรวจภาพกว้าง
ของจริง จะเห็นถึงความไม่มั่นใจเศรษฐกิจไทยในปีนี้และปีหน้า ชี้ที่จีดีพีที่ว่าเติบโตนั้นเป็นภาพเฉพาะในเมือง และตลาดระดับบนที่มีเรียกว่าเศรษฐกิจรุ่ง แต่นอกนั้นยังบอว่า รุ่งริ่ง
ด้าน ศ.ดร.ตีรณ พงศ์มฆพัฒน์ นักเศรษฐศาสตร์แถวหน้าของไทย กล่าวให้ความเห็นกับ “ดอกเบี้ยธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ มีคนให้คะแนนเศรษฐกิจประเทศไทยแบ่งเป็นสองฝ่าย คือฝ่ายที่เห็นว่าเศรษฐกิจดี กับฝ่ายที่เห็นว่าเศรษฐกิจยังไม่ดีจริง ซึ่งฝ่ายหลังมีมากกว่าฝ่ายแรก และ ศ.ดร.ตีรณ ก็มีความโน้มเอียงไปในทางที่เห็นว่าเศรษฐกิจไทยยังไม่ดีเช่นกัน
“โดยทั่วไปเศรษฐกิจไทยพื้นฐานค่อนข้างต่ำ 3-4% คือตัวเลขที่ตอนต้นปีประมาณการไว้ ซึ่งก็ต่ำกว่าที่คิดว่าจะเกิดขึ้นจริงๆ แม้ทางหน่วยงานทางการจะบอกว่าปีนี้น่าจะได้ 3.8-4.0% ผมโดยส่วนตัวก็ว่ายังต่ำมาก ซึ่งมีผลต่อการคาดหวัง เพราะว่ารัฐบาลใช้มาตรการกระตุ้นกันมาตลอด 2-3 ปีมานี้ คนก็คาดว่าจะช่วยได้มากกว่านี้ แต่ไม่มากอย่างที่คิด”
สิ่งที่น่าสนใจ คือ ตัวเลขเศรษฐกิจ จีดีพี ที่ว่าเติบโตดีนั้น ศ.ดร.ตีรณ อธิบายว่า เป็นตัวเลขที่ดีจากข้างนอกมากกว่า เช่น ตัวเลขการส่งออกที่ดีขึ้น แต่การนำเข้าไม่ได้ดีตามมากนักเพราะเศรษฐกิจในประเทศค่อนข้างชะลอตัว ตัวเลขการบริโภคของไทยจะดีเฉพาะสินค้าที่มีราคา แต่ทั่วไปพื้นฐานนี่อ่อนกำลังจริงๆ
“ดังนั้นที่ให้คะแนนรัฐบาลก็จะแบ่งฝ่ายพอสมควร คือคนที่มองไม่ดีดูเหมือนจะมีมากกว่า ผมเองก็ค่อนข้างโน้มเอียงมาในทางที่ว่าค่อนข้างไม่ดีเท่าที่ควร
จริงๆ แล้วรัฐบาลก็ใช้จ่ายไปเยอะ แต่ว่าไปได้แค่นี้ สิ่งที่ดีขึ้นมาหน่อยคือ ช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ที่ รัฐบาลกระตุ้นเพิ่มขึ้น ด้วยเรื่องช็อปช่วยชาติ คือทำเร็วขึ้นกว่าปลายปีหน่อยหนึ่ง โดยหวังว่าการใช้จ่ายช่วง พฤศจิกายน จะเป็นคนละยอดกับที่จะใช้จ่ายกันในช่วงปลายปี ซึ่งเป็นเทศกาลปีใหม่ .. ก็เป็นการคิดซึ่งลึกซึ้งขึ้นมานิดหนึ่ง แต่ว่าก็จะทำให้ทั้งปีน่าจะโตเพิ่มขึ้นมานิดหน่อยเท่านั้นคือ อาจโตสัก 3.8”
ศ.ดร.ตีรณ ขยายความว่า จากภาพรวมจริงๆ คำนึงถึงสถานการณ์เศรษฐกิจโดยทั่วไปของประชาชน ไม่ได้ดีขึ้น และบางส่วนซบเซาลงด้วยซ้ำไป จะเห็นว่าธุรกิจต่างจังหวัดชะลอลงไปมาก
การจับจ่าย เช่นในห้างสรรพสินค้าไม่ค่อยดีนัก ประชาชนชั้นกลางลงมาล่างไม่ค่อยดี ประชาชนยังไม่ให้คะแนนการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยดีเท่าที่รัฐบาลให้
“ผมว่าอันนั้นเป็นการมองด้านเดียวเกินไปเพราะภาคเศรษฐกิจ ไม่ได้มองที่ จีดีพีอย่างเดียว ต้องดูว่าปัญหาของประชาชนที่เป็นชาวบ้าน ที่ไม่ได้อยู่ในภาคทางการ ที่เวลาสำนักงานสถิติไปสำรวจ เขาไปสำรวจตามตลาดใหญ่ๆ หลักๆ พวกนี้ไม่ได้สะท้อนภาพซบเซามากเท่าที่ควร ถ้าเราไปมองภาพที่กว้างขึ้น ไม่ติดตัวเลข จีดีพีอย่างเดียว เราก็จะมองว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงนี้ไม่ค่อยจะดีนัก ส่วนปีหน้าที่บอกว่าจะดีกว่าปีนี้ ก็ยังไม่แน่
ที่ว่ายังไม่แน่ เพราะ ทั่วโลกหลายประเทศมีการประมาณการกันว่าเศรษฐกิจปีหน้าจะดีกว่าปีนี้ ดังนั้นหน่วยงานรัฐบาลก็เลยมองว่าปีหน้าจะดีตามไปด้วย เพราะการท่องเที่ยวน่าจะดีขึ้น การลงทุนน่าจะดีขึ้น แต่ถ้าเรามองจริงๆตัวเลขบางประเทศเท่านั้นที่ดีขึ้น
อย่างยุโรปที่ว่าจะดีขึ้นปีนี้ ปีหน้า ก็ทำท่าจะไม่ดีเสียแล้ว เป็นไปได้ว่ายุโรปปีหน้าอาจอ่อนกำลัง
ในสหรัฐฯ เรื่องภาษีก็ใช้เวลาอีกนิดหนึ่งอาจมีข้อสรุปได้ในปีหน้า คือภาคเศรษฐกิจจริงทั่วโลกยังโตดีขึ้นแบบอ่อนๆ จีนที่ว่าดีขึ้นก็ดีขึ้นแบบอ่อนๆ ญี่ปุ่นดีขึ้นอ่อนๆ ไม่ได้แรงมากอย่างที่คนคาดไว้
ถ้าปีหน้ามีปัญหาอื่นแทรกมา เช่นปัญหาเรื่องเศรษฐกิจจีนอาจจะ เริ่มมีการจำกัดการเติบโต เริ่มมีภาวะเรื่องหนี้สินเกิดขึ้น อันนี้ก็จะมีผลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกได้ ดังนั้นปีหน้า มีแนวโน้มดีขึ้นเพียงเล็กน้อยและขณะเดียวกันต้องทำใจว่าอาจไม่เป็นอย่างที่คิดก็ได้ อาจมีปัจจัยแทรกเข้ามาได้ ต้องระมัดระวังนิดหนึ่ง ดังนั้นคนไทยจะจับจ่ายอะไรจากนี้ไปก็ยังต้องระมัดระวังอยู่ เพราะยังไม่แน่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และอาจไม่ใช่อย่างที่คาดไว้”