ข้างนอกยังดูดี ! ชัดเจนว่าการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องของตลาดหุ้นโลก ยังคงเป็นผลจากการเดินหน้าตอบรับปัจจัยบวกที่ทยอยออกมาเป็นระยะของตลาดหุ้นสหรัฐเป็นหลัก ซึ่งต้องเรียนว่าในมุมมองของ “นายหมูบิน” แล้วปัจจัยหนุน หรือ Story ที่ออกมาหนุนตลาดหุ้นสหรัฐในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะด้านของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเป็นของจริง และแน่นอนว่าส่งผลบวกต่อทิศทางของเศรษฐกิจโลกในภาพรวมด้วย
ทั้งนี้ล่าสุดการที่สหรัฐประกาศตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือน ต.ค.2560 ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 13 ปี และยอดค้าปลีกในเดือน ก.ย.2560 เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 2 ปี ประกอบกับตัวเลขผลการดำเนินงานของบริษัทในตลาดหุ้นสหรัฐที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยที่ล่าสุดพบว่าบริษัทในดัชนี S&P500 ที่ประกาศผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 ออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาด หรือมี Earnings Surprise ถึง 87% และมีการขยายตัวราว 4% YoY ต่อเนื่องจากระดับ 6.1%, 15.5% และ 10.8% ในไตรมาส 4 ปี 2559 - ไตรมาสที่ 2 ปี 2560 ทั้งหมดสะท้อนแนวโน้มที่ดีขึ้นของเศรษฐกิจสหรัฐได้เป็นอย่างดี
ขณะที่ในภูมิภาคเอเชีย ดูเหมือนว่าจีน และ ญี่ปุ่นจะกลับมาเป็นผู้นำในตลาดหุ้นภูมิภาคอีกครั้ง หลังจากที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นญี่ปุ่น และจีนปรับตัวขึ้นถึง 1.4% และ 9.9% ตามลำดับ แน่นอนว่าสำหรับญี่ปุ่น การที่ล่าสุดผลสำรวจความคิดเห็นที่จัดทำโดยสำนักข่าวเกียวโด ระบุว่า พรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ จะได้รับชัยชนะขาดลอยในการเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 22 ต.ค.2560 นี้ โดยคาดการณ์ว่าพรรค LDP และพรรคโคเมโตะ ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล จะครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรของญี่ปุ่นได้มากกว่า 300 ที่นั่ง จากทั้งหมด 465 ที่นั่ง ถือเป็นปัจจัยบวกแน่นอน เนื่องจากตลาดมองว่าทิศทางของการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของญี่ปุ่นจะยังคงเดินหน้าต่อเนื่องไปได้ และอย่างแข็งแกร่งด้วย
ในส่วนของตลาดหุ้นจีนนั้น แน่นอนว่าในด้านของขนาดนั้น มีความใหญ่เพียงพอที่จะให้กระแสเงินทุนของ Global Fund Manager วิ่งเข้าไปอยู่แล้ว ขอแค่ทิศทางของเศรษฐกิจ และตลาดหุ้นมีปัจจัยสนับสนุนที่ชัดเจนเท่านั้น โดยที่ล่าสุดก็ดูมีความหวังขึ้นหลังจากที่ธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่ายอดปล่อยเงินกู้ล็อตใหม่สกุลเงินหยวนยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในเดือน ก.ย.2560 ขณะที่ในด้านการค้ากระทรวงพาณิชย์ของจีนเปิดเผยว่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ประจำเดือน ก.ย.2560 ปรับตัวขึ้นถึง 17.3% YoY และสำนักงานศุลกากรจีน (GAC) เปิดเผยว่ามูลค่าการค้าต่างประเทศของจีนในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นถึง 16.6% YoY เช่นกัน
ดังนั้น จากปัจจัยหนุนของตลาดหุ้นต่างประเทศข้างต้น ทำให้ “นายหมูบิน” มองว่าตราบใดก็ตามที่ SET ยังคงไม่กลับไปปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย EMA 25 วัน บริเวณ 1,670 จุดอีกครั้ง เป้าหมายการดีดกลับในระยะไม่เกิน 1 เดือนจะมีบริเวณ 1,720 จุดเป็นจุดหมุน โดยกรณีที่ SET สามารถปิดเหนือบริเวณดังกล่าวได้อย่างมั่นคงกรอบการแกว่งตัวของ SET จะขยับขึ้นไปอยู่ที่ 1,720-1,770 จุด ตรงกันข้ามกรณีดีดขึ้นแล้วไปปิดเหนือ 1,720 จุดไม่ได้ กรณีดีที่สุด SET จะแกว่งในกรอบ 1,670-1,710 จุดต่อไปอีกระยะหนึ่ง ขณะที่กรณีแย่คือ SET หมุนตัวลงไปปิดต่ำกว่า 1,670 จุดอีกครั้ง 1,630 จุดจะทำหน้าที่เป็นแนวรับถัดไปอย่างรวดเร็ว
ช่วงสุดทางของปีมีความเสี่ยงสูงพอสมควร : อย่างไรก็ดีแม้ว่าในเบื้องต้น “นายหมูบิน” จะยังคงมองว่าตลาดหุ้นภูมิภาค และไทยน่าจะยังคงได้ประโยชน์จากปัจจัยต่างประเทศต่อไปอีกในระยะสั้นๆ นี้ แต่ในส่วนของตลาดหุ้นไทย “นายหมูบิน” ยังคงมองว่าการปรับตัวขึ้นของ SET ในรอบนี้เป็นโอกาสในการขายมากกว่าการเข้าซื้อเพิ่มแบบหนักๆ เนื่องจากต้องยอมรับว่าการปรับตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจโลกในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 2 ที่เศรษฐกิจโลกขยายตัวสูงที่สุดในรอบ 6 ปีที่ 4.3% YoY นั้น หลักๆมาจากการที่เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวถึง 3.1% YoY เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 1 ที่ 1.2% YoY มากกว่า 1 เท่าตัว ขณะที่ปัจจัยบวกนี้น่าจะค่อยๆลดน้ำหนักลงสำหรับตลาดหุ้นเอเชีย เพราะจากการคาดการณ์ของ Morgan Stanley ประเมินว่าเศรษฐกิจโลกในไตรมาสที่ 3 จะขยายตัวลดลงมาอยู่ที่ 3.6% YoY โดยที่เศรษฐกิจสหรัฐยังคงขยายตัวแข็งแกร่งราว 3.0% YoY แต่ประเทศใหญ่อื่นๆจะเริ่มชะลอตัวลง เช่นยูโรโซนจะลดลงจาก 2.6% YoY เหลือ 2.1% YoY, ญี่ปุ่นจะลดลงจาก 2.5% YoY เหลือ 1.8% YoY และจีนจะลดลงจาก 6.9% YoY เหลือ 6.5% YoY
นอกจากนี้ความเสี่ยงที่ยังคงต้องจับตา เพราะจะเป็นปัจจัยบวกกับสหรัฐ แต่เป็นปัจจัยลบกับตลาดหุ้นภูมิภาคแน่นอน คือผลกระทบจากการที่เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวต่อเนื่อง ทำให้ล่าสุดดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) หรืออัตราเงินเฟ้อในเดือน ก.ย.2560 สู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค.2560 ประกอบกับการที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้กล่าวสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ถึงแม้ว่าตัวเลขเงินเฟ้อจะยังเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับเป้าหมายของเฟดก็ตาม
โดยนางเยลเลนให้เหตุผลว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงฟื้นตัวอย่างมั่นคง เช่นเดียวกับตลาดแรงงานก็อยู่ในภาวะที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะช่วยให้สามารถรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดได้ ซึ่งในประเด็นนี้ “นายหมูบิน” เห็นด้วย และยังคงให้น้ำหนักว่าเฟด จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในเดือน ธ.ค. 2560 ซึ่งเป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้ หลังจากปรับขึ้นในเดือน มี.ค. และมิ.ย.2560
นอกจากนี้ ความเสี่ยงทางการเมืองระหว่างประเทศในช่วงที่เหลือของปี 2560 นี้เป็นประเด็นร้อนที่อาจทำให้ตลาดหุ้นภูมิภาคไปได้อีกไม่ไกลนัก ทั้งในส่วนของประเด็นเกาหลีเหนือที่ล่าสุดเกาหลีเหนือประกาศว่าจะทดสอบยิงขีปนาวุธอีกครั้ง โดยพุ่งเป้าไปยังเกาะกวม หลังกองทัพเรือสหรัฐและเกาหลีใต้ประกาศจัดการซ้อมรบทางทะเลร่วมกันในน่านน้ำใกล้คาบสมุทรเกาหลี และการที่เกาหลีเหนือได้ออกมาประณามออสเตรเลียที่ร่วมมือกับสหรัฐ พร้อมเตือนว่าออสเตรเลียอาจเผชิญกับความหายนะได้ รวมทั้งประเด็นทางการเมืองใหม่ๆ จากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐประกาศไม่ให้การรับรองต่ออิหร่านในการปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์ที่มีการทำไว้ในปี 2558 ซึ่งล่าสุดประธานาธิบดีอิหร่านออกตอบโต้ว่า อิหร่านจะไม่ยอมอ่อนข้อให้ และประเด็นความขัดแย้งของแคว้นกาตาลุญญา หลังจากที่นายกรัฐมนตรีสเปนกล่าวต่อสภาคองเกรสของสเปนว่าจะปฏิเสธข้อเสนอของนายคาร์เลส ปุกเดมองต์ ประธานาธิบดีของแคว้นกาตาลุญญา ที่ต้องการทำการเจรจากับรัฐบาลสเปนเกี่ยวกับการประกาศเอกราชของแคว้นกาตาลุญญา และได้ยื่นคำขาดโดยการให้เวลา 5 วันแก่นายคาร์เลส ปุกเดมองต์ ให้ทำการยืนยันอย่างเป็นทางการว่าจะประกาศเอกราชจากสเปนหรือไม่
ทั้งหมดที่เรียนให้ทราบไปต้องบอกว่าน่ากลัวนะครับ ดังนั้นอย่าลืมพิจารณา Downside Risk ด้วย
ในส่วนของกลยุทธ์ สำหรับการลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) กรณีที่ SET ยังคงปิดเหนือกว่า 1,675 (+/-5) จุดได้ แนะนำใช้เป็นโอกาส “ดีดขึ้นขาย” ในลักษณะ “Short Against” กลับมา “ถือเงินสด” หรือ “Wait and See” เพื่อรอซื้อกลับในหุ้น PTTGC, KBANK, SCB, STEC, CK, SCC, LH, SIRI, INTUCH และ ADVANC อีกครั้ง สำหรับการลงทุนระยะกลาง (1-3 เดือน) ในลักษณะ Long-Only แนะนำ “คงสัดส่วนการลงทุนในหุ้นที่ระดับ 75% ของพอร์ต”
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยครับ สำหรับการพูดคุยกันระหว่างสัปดาห์นอกจากทาง Facebook ที่ www.facebook.com/wealthhuntersclub และ e-mail ที่ moobin.stockmania@gmail.com แล้ว แฟนๆยังสามารถติดตามมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนจาก “นายหมูบิน” ได้ในรายการ ”เซียนเศรษฐกิจ” ทาง FM 101ทุกวันอาทิตย์ เวลา 10.00-12.00 น.เช่นเดิมครับ
ภาพประกอบ : การวิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิครายวัน (Daily)
Source: Wealth Hunters Club