ขายก่อน! แม้ว่าการที่ล่าสุด SET ยังคงยืนเหนือ 1,575 จุดได้จะทำให้เรายังคงไม่เห็นการปรับตัวลงหนักๆอีกครั้ง แต่ในเชิง Tactical ผมยังคงมองว่าสำหรับนักลงทุนระยะสั้นให้เน้น “ดีดขึ้นขาย” ออกมาก่อนเพื่อความปลอดภัยก็เป็นทางเลือกที่ดูเสี่ยงน้อยที่สุด ขณะที่นักลงทุนระยะกลางจะถือสู้โดยมี 1,565 จุดเป็นจุดถอยอันนี้ก็ได้ไม่ว่ากัน สาเหตุที่ผมค่อนข้างกังวลกับสถานการณ์ระยะสั้นคือการที่ในเชิง Tactical นั้น SET ยังคงไม่สามารถหนีบริเวณ 1,575 จุดไปได้อย่างขาดลอย สะท้อนแรงหนุนในระยะสั้นที่อ่อนแรง ทั้งๆที่ล่าสุด SET ได้อยู่ในสถานะ Golden Cross ในขั้นที่ 3-5 แล้ว และความอ่อนแอของแนวโน้มดังกล่าวสะท้อนออกมาจากการที่ Indicator ระยะสั้นทุกตัวอยู่ในภาวะ Bearish ทั้งหมด
ขณะที่ปัจจัยหนุนเดียวที่พอจะเห็นในเวลานี้คือ การที่หุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่ม SET50 ยังคงค้ำตลาดอยู่ โดยยังคงอยู่ในสถานะ Outperform เมื่อเทียบกับ SET ในระยะ 1 เดือน ขณะที่ในกลุ่มรองๆลงมาอย่าง SET100, SETHD และ sSET อยู่ในสถานะ Underperform ทั้งหมด แต่ก็คงช่วยได้แค่จำกัด Downside เท่านั้นและคงหนุนใน SET ไปต่อยาก เนื่องจากถ้าเทียบกับตลาดหุ้นสหรัฐ (S&P500X และอาเซียน (FTSE ASEAN40) ตลาดหุ้นไทยยังคงอยู่ในสถานะ Underperform ชัดเจน
ดังนั้นแม้ว่าในเชิง Tactical ตราบใดที่ SET ยังคงไม่ปรับตัวลงต่ำกว่า 1,565 จุดอีกครั้ง SET ในระยะสั้นรายเดือน หรือ Monthly อาจจะยังคงอยู่ในทิศทางของการแกว่งตัวในกรอบ 1,565-1,610 จุดต่อไปได้ โดยที่นักลงทุนระยะกลาง (3-6 เดือน) สามารถที่จะเลือกปรับพอร์ตการลงทุนในหุ้นเป็น 75% ตาม Tactical หรือคงไว้ที่ 50% เหมือนเดิมก็ได้ ...แต่สำหรับนักลงทุนระยะสั้นเน้น “ดีดขึ้นขายตามแนวต้าน” โดยมี 1,565 จุดเป็นจุดหมุน และ Cut Loss ที่ต้องมีวินัยอย่างสูงไปก่อนดีกว่า เพื่อความปลอดภัยครับ
การเคลื่อนไหวเงินทุนสะท้อนหุ้นไทยไม่น่าสนใจ : ถ้าไม่นับปัจจัยสำคัญจากการที่มีเงินโอนเข้ามาจากต่างประเทศเพื่อใช้ในดีลซื้อกิจการขนาดใหญ่ของไทย 2 แห่งตามที่ รมต.คลัง ให้ข่าวไปในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา การที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ก็คงเป็นผลจากการที่นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้ของไทยอย่างต่อเนื่องราว 6.47 หมื่นล้านบาทในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา (11 ก.ค.-8 ส.ค.2560) สวนทางกับตลาดหุ้นไทยที่นักลงทุนต่างชาติยังคงทยอยขายสุทธิออกมาในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุด (8 ส.ค.2560) ยอดซื้อขายสะสมของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปี 2560 กลับมาติดลบแล้วราว 909 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี ต้องเรียนว่าไม่ใช่ว่าตลาดหุ้นไทยจะไม่ได้รับปัจจัยบวกจากสถานการณ์การแข็งค่าของค่าเงินบาทเลยนะครับ ตรงกันข้ามผมมองว่าได้ประโยชน์เยอะมากด้วย เพราะถ้าค่าเงินบาทไม่แข็งค่าขึ้นในช่วงที่ผ่านมา จนส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนในรูปของดอลลาร์สหรัฐในปี 2560 นี้สูงถึง 12% YTD นักลงทุนต่างชาติอาจจะตัดสินใจออก หรือ Exit จากตลาดหุ้นไทยไปมากกว่านี้
อย่างไรก็ดีตัวเลขผลตอบแทนในรูปของดอลลาร์สหรัฐในปี 2560 ของตลาดหุ้นไทย 12% YTD ก็สะท้อนมุมมองของนักลงทุนในตลาด ที่มองว่าความน่าสนใจในการลงทุนของตลาดหุ้นไทยยังคงดูแย่กว่าตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาคอยู่ดี ซึ่งจะเห็นประเด็นดังกล่าวชัดเจนถ้าพิจารณาจากตัวเลขผลตอบแทนเฉลี่ยในรูปของดอลลาร์สหรัฐในปี 2560 ของตลาดหุ้น ASEAN และ Asia ex Japan ที่ 16% และ 27% YTD ตามลำดับ
ทั้งนี้ประเด็นความน่าสนใจที่มีน้อยมากของตลาดหุ้นไทยเมื่อเทียบกับภูมิภาค ถูกตอกย้ำให้เห็นชัดเจนจากทิศทางของกระแสเงินทุน โดยที่ล่าสุดในภาวะที่ยังคงมีกระแสเงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้น Emerging Market และ Asia ต่อเนื่องมา 20 สัปดาห์แล้ว แต่ตลาดหุ้นไทยไม่ได้รับประโยชน์ดังกล่าวเลย โดยที่ในเดือน ก.ค.2560 เงินทุนยังคงไหลออกจากตลาดหุ้นไทยราว 200 ล้านดอลลาร์ ซึ่งพบว่ายังดีที่เงินลงทุนระยะสั้นจาก ETF ยังคงไหลเข้ามาราว 100 ล้านดอลลาร์ แต่เงินลงทุนระยะยาวในกลุ่ม Long-Only ยังคงไหลออกต่อเนื่องอีกราว 300 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ในเชิงของ Tactical พบว่าดัชนี Accumulated Foreign Fund Flows ยังคงมีสัญญาณที่เป็นลบ หรือ Pessimism อย่างต่อเนื่อง สะท้อนโอกาสที่นักลงทุนต่างชาติจะชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นไทยต่อไปในระยะ 1 เดือนข้างหน้า
ในส่วนของกลยุทธ์ สำหรับการลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) : กรณีที่ SET ยังคงปิดเหนือกว่า 1,565 (+/-5) จุดได้ แนะนำใช้เป็นโอกาส “ดีดขึ้นขาย” ในลักษณะ “Short Against” กลับมา “ถือเงินสด” หรือ “Wait and See” เพื่อรอซื้อกลับในหุ้น PTTGC, KBANK, SCB, STEC, CK, SCC, LH, SIRI, INTUCH และ ADVANC อีกครั้ง สำหรับการลงทุนระยะกลาง (1-3 เดือน) ในลักษณะ Long-Only แนะนำ “คงสัดส่วนการลงทุนในหุ้นที่ระดับ 75% ของพอร์ต”
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยครับ สำหรับการพูดคุยกันระหว่างสัปดาห์นอกจากทาง Facebook ที่ www.facebook.com/wealthhuntersclub และ e-mail ที่ moobin.stockmania@gmail.com แล้ว แฟนๆยังสามารถติดตามมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนจาก “นายหมูบิน” ได้ในรายการ ”เซียนเศรษฐกิจ” ทาง FM 101 ทุกวันอาทิตย์ เวลา 10.00-12.00 น.เช่นเดิมครับ
ภาพประกอบ : การวิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิครายวัน (Daily)
Source: Wealth Hunters Club