top of page
369286.jpg

อนันดาฯ โชว์กำไร Q2 เพิ่มขึ้น 33% เป็น 279 ลบ. รายได้เติบโต 30%


บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN ผู้นำแห่งวงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับคนเมือง ครองตำแหน่งผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า โชว์ศักยภาพการดำเนินงาน ประกาศความสำเร็จอีกครั้ง พร้อมเติบโตอย่างมั่นคง เผยไตรมาส 2/2560 บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการสร้างกำไรสุทธิ 279 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นถึง 99% จากไตรมาสก่อน เผยกำไรจากผลดำเนินงานสะท้อนถึงการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพตามแผนดำเนินงานที่วางไว้ พร้อมทั้งสร้างรายได้ 3,752 ล้านบาท เติบโต 30% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และเติบโตสูงถึง 62% จากไตรมาสก่อน โชว์ตัวเลขยอดขายไตรมาส 2 เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 7,352 ล้านบาท ถึง 50% จากยอดขายโครงการใหม่ และโครงการที่เปิดตัวก่อนหน้า นอกจากนี้ประกาศปรับเพิ่มเป้ายอดขายทั้งปี เป็น 31,036 ล้านบาท และเพิ่มเป้ายอดโอน เป็น 25,047 ล้านบาท จากเดิม 25,000 ล้านบาท โดยมียอดโอนที่จะเติบโตเพิ่มขึ้น 58% โดยบริษัทฯ คาดว่ายอดโอนจะเติบโต จากระดับที่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ในปี 2558 เป็นเกือบ 60,000 ล้านบาท ในปี 2563

นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ มีภาพรวมการดำเนินธุรกิจที่น่าพอใจและประสบความสำเร็จจากตัวเลขรายได้ และกำไรสุทธิที่แข็งแกร่ง โดยผลประกอบการไตรมาส 2/2560 มีผลกำไรเพิ่มขึ้น 33% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน เป็น 279 ล้านบาท มีรายได้ 3,752 ล้านบาท เติบโต 30% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งในปี 2560 เป็นช่วงเวลาของการเก็บเกี่ยวผลตอบแทน (Harvest Period) นอกจากนี้ยังประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ด้านการเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ 5 โครงการ ในงาน Ananda Urban Pulse โดยมียอดขายสูงกว่าเป้าที่วางไว้ ทำให้บริษัทฯ มียอดขายรอรับรู้รายได้ ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2560 กำหนดโอนภายในช่วง 4 ปีข้างหน้า จำนวนกว่า 49,700 ล้านบาท ซึ่งสูงสุดเป็นสถิติอีกครั้ง โดยเพิ่มขึ้น 17% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 29% จากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน

ในไตรมาส 2 นี้ บริษัทฯ เปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ติดรถไฟฟ้าบน 5 ทำเล และโครงการแนบราบใหม่ 1 ทำเล ด้วยมูลค่าโครงการกว่า 22,800 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการคอนโดมิเนียม มูลค่ารวมกว่า 21,900 ล้านบาท ได้แก่ ไอดีโอ คิว วิคตอรี่ ติดสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มูลค่าโครงการกว่า 3,200 ล้านบาท โครงการแอชตัน อโศก-พระราม 9 ใกล้สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินพระราม 9 มูลค่าโครงการกว่า 6,400 ล้านบาท โครงการไอดีโอ สุขุมวิท 36 ใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสทองหล่อ มูลค่าโครงการกว่า 4,300 ล้านบาท โครงการไอดีโอ พระราม 9 ตัดใหม่ ใกล้สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินรามคำแหง 12 มูลค่าโครงการกว่า 3,000 ล้านบาท โครงการเอลลิโอ เดล เนสท์ มูลค่าโครงการกว่า 5,000 ล้านบาท และโครงการยูนิโอ ทาวน์ ลำลูกกา คลอง 4 มูลค่าโครงการกว่า 900 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการแนวราบแบรนด์ใหม่ อยู่ใกล้สถานีคลอง 4

ยอดขายจากโครงการที่เปิดตัวไปก่อนหน้า ไตรมาส 2 นี้ สามารถสร้างยอดขายได้ถึง 11,051 ล้านบาท สูงกว่าเป้าที่วางไว้ที่ 7,352 ล้านบาท ถึง 50% โดยยอดขายที่แข็งแกร่งส่วนหนึ่งมาจากความต้องการซื้อจากลูกค้าที่ดีกว่าคาด และจากการเลื่อนเปิดโครงการใหม่มูลค่ากว่า 16,000 ล้านบาท เร็วกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ในช่วงต้นปี ทั้งนี้ในครึ่งปีแรก บริษัทฯ สร้างยอดขายได้ 50% ของเป้ายอดขายทั้งปี และมีแผนเปิดโครงการใหม่อีก 8 โครงการ โดยผลจากความสำเร็จดังกล่าวมาจากตัวโครงการอยู่ในทำเลติดรถไฟฟ้า สะดวกสบายในการอยู่อาศัย มีการนำเอาเทคโนโลยีมาปรับใช้ในโครงการ และราคาที่เหมาะสมสามารถจับต้องได้อย่างแท้จริง

บริษัทฯ มีอัตราการขายสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ในช่วง 2 สัปดาห์แรกตั้งแต่การเปิดขายโครงการใหม่จนถึงสิ้นสุดไตรมาส 2 โดยสามารถปิดการขาย 100% สำหรับโครงการไอดีโอ คิว วิคตอรี่ ซึ่งมีลูกค้ามากกว่า 4,000 ราย ที่มีความต้องการซื้อโครงการดังกล่าวที่ทั้งโครงการมีเพียง 348 ยูนิต นอกจากนี้โครงการแอชตัน อโศก-พระราม 9 มีอัตราการขายกว่า 74% โครงการไอดีโอ พระราม 9 ตัดใหม่ มีอัตราการขาย 54% โครงการไอดีโอ คิว สุขุมวิท 36 มีอัตราการขาย 45% ของยูนิตที่เปิดขายในช่วงเปิดโครงการใหม่ โดยปกติบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายอัตราการขายในช่วง 3 เดือนแรกที่ระดับ 40% ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า แสดงให้เห็นว่าความต้องการที่พักอาศัยในทุกระดับราคาทุกประเภทยังคงมีอยู่มาก โดยเฉพาะโครงการที่คุ้มค่า คุณภาพดี ทำเลใกล้รถไฟฟ้า

ไตรมาส 2/2560 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 2,661 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 69% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้บริษัทฯ มีรายได้อื่นจำนวนกว่า 1,090 ล้านบาท ส่วนใหญ่จากรายได้จากโครงการร่วมทุน ทำให้บริษัทฯ สร้างรายได้รวมจำนวน 3,752 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และ 62% จากไตรมาสก่อน พร้อมทั้งมีกำไรสุทธิ 279 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากไตรมาสก่อน นอกจากนี้ยังสร้างอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 7% เพิ่มขึ้นจาก 6% ในไตรมาสก่อน

ในไตรมาสนี้บริษัทฯ สร้างรายได้ และผลกำไรที่แข็งแกร่ง ซึ่งอยู่ในช่วงที่เรียกว่า "ระยะเวลาแห่งการเก็บเกี่ยวผลตอบแทน" เห็นได้จากยอดโอนที่เติบโตขึ้นสามเท่าตัว ระหว่างปี 2558 จนถึง 2561 รวมการเติบโต 58% จากปี 2559 สำหรับการโอนในปี 2560 อยู่ที่ 25,047 ล้านบาท ซึ่งมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ที่จะโอนในปี 2560 มูลค่ากว่า 16,300 ล้านบาท คิดเป็น 81% ของเป้ายอดโอนในช่วง 6 เดือนข้างหน้า ซึ่งรวมส่วนแบ่งยอดโอนของอนันดา และ มิตซุย ฟูโดซัง มาจากคอนโดมิเนียม 10 โครงการที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มโอนในปี 2560 โดยเปรียบเทียบกับคอนโดมิเนียมใหม่ 5 โครงการที่แล้วเสร็จในปี 2559

บริษัทฯ ยังคงรักษาวินัยทางการเงิน และประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจให้เติบโต พร้อมยังคงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิซึ่งหักด้วยเงินสดต่อส่วนทุนอยู่ที่ 0.77 :1 เท่านั้น นอกจากนี้กระแสเงินสดของบริษัทฯ ยังคงมีความแข็งแกร่ง โดย ณ สิ้นสุดไตรมาสยังคงรักษาเงินสดขนาดใหญ่ที่มีมากกว่า 1,800 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ ยังคงได้รับการสนับสนุนที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องจากสถาบันการเงินชั้นนำ และมีทางเลือกในการจัดหาแหล่งเงินทุนที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการเงินสดของบริษัทฯตลอดทั้งปี สามารถเลือกใช้ได้ตามสถานการณ์ ทั้งนี้ในเดือนเมษายน ปี 2560 บริษัทฯ ได้ออกหุ้นกู้มูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท ระยะเวลา 3 ปี ด้วยต้นทุนหุ้นกู้ เพียง 3.95% ลดลงอย่างมีนัยสำคัญจาก 5.40% ที่ออกหุ้นกู้เมื่อ 3 ปีก่อน” นายชานนท์ กล่าว

ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัท ได้มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นสถิติสูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.06 บาท เพิ่มขึ้น 50% จากอัตราการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในปีก่อน จากนโยบายที่ยังคงเพิ่มเงินปันผลทุกปีให้แก่ผู้ถือหุ้น ภายหลังการระดมทุน และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

9 views
bottom of page