top of page
312345.jpg

BRRGIF เคาะไอพีโอ ตั้ง 10.30 บาทขาดตัว


BRRGIF กำหนดราคาไอพีโอหน่วยลงทุนละ 10.30 บาท หลังทำ Book building คาดเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นต้นเดือนสิงหาคมนี้

นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลบุรีรัมย์ (BRRGIF) เปิดเผยว่า BRRGIF ซึ่งเป็นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้าชีวมวลกองแรกที่เปิดเสนอขายแก่นักลงทุนทั่วไปและจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อไป ได้กำหนดราคาสุดท้ายที่หน่วยละ 10.30 บาท ภายหลังจากได้รับผลตอบรับอย่างดีจากการสำรวจความต้องการซื้อ (Book Building) ของนักลงทุนสถาบัน โดยมีช่วงราคาเสนอขายที่ 9.90 – 10.40 บาท สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจของนักลงทุนสถาบันที่มีต่อศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของโรงไฟฟ้า

“สาเหตุที่นักลงทุนสนใจจองซื้อกองทุน BRRGIF จากจุดเด่นของกองทุนที่มีความมั่นคงของกระแสรายได้ที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอและสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก จากการเข้าลงทุนในสิทธิในรายได้สุทธิฯ ของโรงไฟฟ้าของ บุรีรัมย์พลังงาน (BEC) และ บุรีรัมย์เพาเวอร์ (BPC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ BRR โดยมีสัญญาขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เป็นระยะเวลาประมาณ 11 ปี และ 18 ปี สิ้นสุด 10 ส.ค. 2571 และ 6 เม.ย. 2578 ตามลำดับ อีกทั้งความมั่นคงจากการเข้าทำสัญญาซื้อขายเชื้อเพลิงชีวมวลระยะยาวครอบคลุมระยะเวลาลงทุนของกองทุน BRRGIF โดยหลังจากนี้คาดว่า BRRGIF น่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ประมาณต้นเดือนสิงหาคมนี้”

ทั้งนี้ เงินจ่ายให้ผู้ถือหน่วยของ BRRGIF จะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ เงินปันผลจากกำไรสุทธิของกองทุน และเงินจ่ายคืนจากการลดเงินลงทุนในรายได้สุทธิ(ลดทุน) ซึ่งผู้สอบบัญชีได้จัดทำประมาณการกำไรขาดทุนและการปันส่วนกำไรในรอบ 12 เดือน ได้ประมาณการเงินปันผลของกองทุนไว้ที่ 6.5% และเงินจ่ายคืนจากการลดทุน 4.7% รวมมีเงินจ่ายให้แก่ผู้ถือหน่วยประมาณ 11.2% โดยคิดจากขนาดกองทุนที่ 3,717 ล้านบาท ทั้งนี้ กองทุน BRRGIF มีขนาดกองทุนที่ 3,605 ล้านบาท จากราคาสุดท้ายที่กำหนดที่ 10.30 บาทต่อหน่วย

นายอนันต์ ตั้งตรงเวชกิจ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ หรือ BRR กล่าวว่า กองทุน BRRGIF ถือว่าเป็นกองทุนที่มีความมั่นคงทั้งทางด้านรายได้ จากการที่ BEC และ BPC ขายไฟฟ้าให้แก่ กฟภ. โรงละ 8 เมกะวัตต์ รวมถึงยังขายไอน้ำและไฟฟ้าส่วนที่เหลือบางส่วนให้แก่ โรงงานน้ำตาลบุรีรัมย์ (BSF) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ BRR อีกด้วย ขณะเดียวกันก็ยังมีความมั่นคงในด้านวัตถุดิบ คือ กากอ้อย ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการผลิตน้ำตาลของ BSF โดย BSF ได้ทำสัญญาในการซื้อไฟฟ้า และไอน้ำขั้นต่ำกับBEC และ BPC รวมไปถึงมีการจัดทำสัญญาในการส่งวัตถุดิบกากอ้อย ทั้งปริมาณขั้นต่ำและราคา เพื่อใช้สำหรับการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำ ของ BEC และ BPC ไว้เรียบร้อยแล้ว ผลตอบแทนที่คาดว่ากองทุนจะได้รับจึงมีความผันผวนต่ำ และมีความมั่นคงสูง เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาวและได้รับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ

อนึ่ง กองทุนมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่าปีละ 2 ครั้ง ในอัตราไม่น้อยกว่า 90% ของกำไรสุทธิ และเงินปันผลที่ได้จากกองทุน BRRGIF ยังได้รับการยกเว้นภาษีเป็นเวลา 10 ปี นับแต่ปีภาษีที่มีการจดทะเบียนจัดตั้งกองทุน

9 views
bottom of page