นักธุรกิจจี้แบงก์ชาติดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพและไม่แข็งค่าเกินหน้าชาติร่วมภูมิภาคอาเซียน รวมถึงชาติส่งออกคู่แข่ง-คู่ค้ากับเมืองไทยอย่างจีน ผ่านพ้นครึ่งปีแรก 2560 เศรษฐกิจไทยมีสัญญาณฟื้นตัวกับเสถียรภาพการเงินดี สัมพันธภาพกับต่างชาติดี ช่วยเหลือ ไทยอีกแรง ไม่ต้องเหนื่อย ผู้นำไทยได้รับเชิญจากประธานาธิบดีทรัมป์ผู้นำมะกันให้ไปเยือน ถือเป็นสัญญาณบวก
นายวิชัย อัศรัสกร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวในรายการ “เซียนเศรษฐกิจ” จัดโดยกองบรรณาธิการ “ดอกเบี้ยธุรกิจ” ว่า หอการค้าไทยเป็นสถาบันการทำธุรกิจและมีความรับผิดชอบหลักในเรื่องดูแลธุรกิจ โดยทุกรัฐบาลทางหอการค้าไทยมีหน้าที่ให้ข้อมูลและให้ข้อแนะนำในสิ่งที่คิดว่าน่าจะถูกต้อง เพื่อให้รัฐบาลออกนโยบายมาแล้วจะได้ตรงกับประเด็นปัญหา ขณะนี้ดูแล้วปัญหาภาพรวมเศรษฐกิจในภาพใหญ่ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะดูจากตัวเลข GDP มีการฟื้นตัวหรือเสถียรภาพทางการเงินดี แม้ NPL ของแบงก์จะเพิ่มขึ้นมาบ้าง แต่อยู่ในอัตราที่ต่ำเมื่อเทียบกับปี 2540 จึงไม่น่ามีปัญหากับเศรษฐกิจที่กำลังค่อยฟื้นตัว
“ส่วนที่มองว่าจะเป็นปัญหา คือเมื่อดูที่ด้านไมโคร แต่ละเซ็คเตอร์ น่าเป็นห่วงหลายตัว เช่น เกษตรกร หรือ กลุ่ม SME ขณะนี้ไทยอยู่ในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงสูง ที่อาจทำให้หลายธุรกิจอาจจะต้องล้มหายตายจากถ้าไม่มีการปรับตัว อย่างเกษตรกร หรือ กลุ่ม SME บางรายหากยังไม่ทราบการเปลี่ยนแปลงนี้ หรืออาจจะทราบแต่ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรซึ่งต้องพยายามช่วยกัน” นายวิชัยกล่าวและพูดถึงเรื่องการปรับตัวของเกษตรกรในปีที่แล้วโดนหนักมากเพราะราคาพืชผลทางการเกษตรต่ำ แต่ในปี 2560 นี้กลับค่อนข้างดีขึ้นมา เช่น ข้าว แต่ปัญหาใหญ่ยังอยู่ในภาวะแบบราคาขึ้นลง
“ประเด็นคือจะทำอย่างไรให้ตัวเองอยู่ในช่วงขาลงได้ เพราะขาขึ้นไม่ค่อยมีปัญหาอะไรทุกคนเดินหน้าได้หมด แต่ในช่วงราคาลงจะต้องทำอย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพในการผลิตและเพิ่มมาตรฐานและคุณภาพให้อยู่ได้ ปัจจุบันมีโครงการประชารักษ์ที่เอกชน/ธุรกิจทำร่วมกับรัฐบาล อย่างที่อ่าวคุ้งกระเบนมีปัญหาเรื่องกุ้งโดยในปี 2556 เจอโรคตายด่วนส่งผลถึงเกษตรกรล้มระเนระนาด แต่ขณะนี้ทางโครงการประชารักษ์ได้เข้าไปช่วยดูว่าจะขจัดปัญหานี้อย่างไร และยังได้ใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า 3 สะอาดเข้ามาดูแลเกษตรกร จนตอนนี้จากรายได้ติดลบก็มีรายได้เป็นหลักล้านบาทในพื้นที่ประมาณ 5 ไร่ คิดว่าถ้าเกษตรกรเลี้ยงกุ้งใน 1 ปีทำได้ 2 ครั้ง ก็น่าจะได้กำไรถึง 2-3 ล้านบาท”
ส่วนเรื่องค่าเงินบาทที่แข็งค่าในขณะนี้นายวิชัยกล่าวว่าต้องระวัง เพราะค่าเงินบาทตอนนี้ค่อนข้างแข็งไปนิด ยกตัวอย่างเช่น ตอนนี้ค่าเงินบาทไทยอยู่ที่ 33.90 บาท ถ้าเทียบกับในภูมิภาคไทยจะแข็งกว่าเพื่อนบ้านประมาณกว่า 5% ขณะที่ค่าเงินจีนแข็งค่าเพียง 1.5% เท่ากับค่าเงินบาทแข็งค่ากว่าจีน 3-4% หรืออย่างค่าเงินอินโดนีเซียแข็งค่าเพียง 1% เท่ากับค่าเงินไทยแข็งค่ามากกว่า 4% หรืออย่างเวียดนามมีค่าเงินเกือบจะเท่าเดิมแต่เมื่อเทียบกับค่าเงินบาทเท่ากับแข็งค่ากว่าเวียดนามถึง 5% ดังนั้น แบงก์ชาติต้องพยายามดูแล อยากให้ช่วยดูให้ค่าเงินมีเสถียรภาพและไม่ให้ค่าเงินบาทไทยแข็งเกินกว่าในภูมิภาค คือ ประเด็นอยู่ที่ค่าเงินดอลลาร์ตก ค่าเงินทั้งภูมิภาคที่รวมถึงค่าเงินบาทต้องแข็งค่าขึ้น แต่ก็ไม่อยากให้ค่าเงินบาทแข็งเกินกว่าเพื่อนบ้านเท่านั้นเอง
“สัมพันธภาพของไทยในขณะนี้กับชาติร่วมภูมิภาคดีมาก อย่างในอาเซียน CLMV ที่อยู่รอบประเทศไทยก็ดี แต่ก็จะมีบางโครงการที่ต้องดูกันเพราะต้องรักษาผลประโยชน์ของแต่ละประเทศซึ่งเป็นเรื่องปกติ ของไทยก็ต้องรักษาผลประโยชน์อย่างเต็มที่ คิดว่าไม่น่ามีปัญหาเรื่องสัมพันธภาพ แม้กระทั่งขณะนี้เดิมที่ไทยคิดว่าสหรัฐหรือยุโรปจะงอนไทยเรื่องการเมือง แต่ตอนนี้นายกรัฐมนตรีไทยได้รับเชิญจากตัวแทนประธานาธิบดีทรัมป์ให้ไปพบ ทำให้เป็นสัญญาณบวกที่ชัดเจน คิดว่าคงอยากคุยกับไทยเรื่องธุรกิจและคงไม่อยากคุยเรื่องการเมือง ทางหอการค้าไทยได้รับการประสานงานมาให้รายงานว่าโครงการลงทุนอะไรบ้าง นับเป็นสัญญาณบวกว่าประเทศมหาอำนาจต่างตอบรับไทยดีโดยเฉพาะในเชิงธุรกิจ”