นางสิริวัน ร่มฉัตรทอง เลขาธิการสภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย และอดีตกรรมการบริหารองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) กล่าวในรายการ “เซียนเศรษฐกิจ” จัดโดยกองบรรณาธิการ “ดอกเบี้ยธุรกิจ” เรื่องพระราชกำหนดแรงงานต่างด้าวฉบับใหม่ของรัฐบาลนับเป็นเรื่อง Talk of the Town ที่ไม่ใช่มีแค่ผู้ประกอบการนายจ้างเท่านั้นแต่รวมไปถึงทุกครัวเรือนด้วย เข้าใจว่ารัฐบาลประเมินสถานการณ์ต่ำไป ทำให้ส่งผลกระทบรุนแรงฺในวงกว้างตั้งแต่ครัวเรือน ร้านค้าปลีกย่อย ภาคการผลิต ภาคบริการ ธุรกิจSME หรือแม้แต่บริษัทใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ที่เข้าใจว่าถึงไม่ได้ใช้แรงงานข้ามชาติ แต่อย่าลืมว่า Supply Chain ต้องใช้แรงงานต่างชาติ
“หากแรงงานข้ามชาติทั้งหลายหยุดงานประเทศไทยจะเป็นอัมพาตแน่นอน ทำให้ยังข้องใจเรื่องการออก พ.ร.ก.เรื่องแรงงานต่างด้าวว่ามีอะไรที่ส่งสัญญาณให้เห็นถึงปัญหาที่อยู่กับไทยมานาน แรงงานข้ามชาติเหล่านี้เป็นเรื่องที่เป็นปัญหาเกิน 20 ปีมาแล้ว แล้วทำไมถึงต้องมาแก้ไขแบบเร่งด่วนที่มองแล้วเกินกำลังรัฐบาลบริหารจัดการ โดยการออกเป็นพ.ร.ก.ออกมาแล้วเอาค่าปรับเป็นตัวตั้ง คิดว่าจะสร้างความเกรงกลัวหรือสร้างการเคารพกฎหมายในชั่วข้ามคืนฺ” นางสิริวันตั้งข้อสังเกตและว่ามีคนโทรมาถามกันเข้ามามาก โดยที่ตอบไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“โดยส่วนตัวดิฉันเพิ่งหมดวาระเป็นกรรมการบริหารองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) เป็นคนไทยคนแรกที่เป็นกรรมการบริหาร หรือเรียกว่า Governing Body ได้เห็นปัญหาแรงงานข้ามชาติได้เข้าไปใน ILO และทางท่านเอกอัครราชทูตประจำ UN ให้ความมั่นใจว่าประเทศไทยมีมาตรการแก้ไขทางกฎหมาย ทำให้คิดว่าน่าจะเป็นความพอใจในระดับหนึ่งของต่างชาติ เพราะไทยไม่ได้นิ่งดูดายมีการแก้ไขอย่างต่อเนื่อง การพยายามของรัฐในเรื่องการแก้ไขซึ่งมองว่าไม่ได้แก้แบบเชิงปัญหา แต่เป็นปัญหาเรื่องของโครงสร้างมากกว่า”
นางสิริวันมองการดำเนินงานแก้ไขเรื่องแรงงานข้ามชาติมีหลายหน่วยงานที่ทำ แต่ละหน่วยงานมีภารกิจหลักของตัวเอง อย่างกระทรวงแรงงานเป็นเพียงบรรเทาความเดือดร้อนของการขาดแรงงาน แต่ละที่มีการบูรณาการโดยมีคณะกรรมการใหญ่ แต่ก็ไม่ทราบว่าติดตรงไหนถึงแก้ไขปัญหาไม่ได้ รัฐบาลน่าจะเข้ามาดูแลจุดตรงนี้มากกว่า การแก้ปัญหาเรื่องแรงงานมีมาอย่างยาวนานแต่ก็แก้ไขไม่ได้ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ทำให้ทุกประเทศในอาเซียนในตอนนี้กำลังมองไทยอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงได้ลุกขึ้นมาออกกฎหมายพ.ร.ก.แรงงานต่างชาติแบบนี้ และการตื่นตะหนกตกใจถ้าจะปลอบก็ยังไม่แน่ใจว่าจะหาย
“คิดว่าปัญหาแรงงานข้ามชาติที่ได้ประชุมร่วมกับรองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ท่านได้ใช้คำว่า ลอยแพแรงงานข้ามชาติไปแล้วกว่า 1,000 คน คำว่าลอยแพแปลว่านายจ้างเดือดร้อน การลอยแพแรงงานต่างชาติกลายเป็นดูไม่ดี ขณะเดียวกันแรงงานตกใจแม้แต่ร้านค้าอาหารที่จะไปรับประทานวันอาทิตย์ พอจะไปจองก็ไม่มีร้านไหนเปิดเพราะคนงานไม่อยากจะทำเพราะไม่มั่นใจ คิดว่าการแก้ปัญหาอย่างหนึ่งก็จะมีปัญหาอย่างหนึ่ง ปัญหาที่แล้วไม่มั่นใจว่าเป็นปัญหาเร่งด่วนขนาดไหนที่ต้องออกพ.ร.ก.จนกระทั่งภาครัฐต้องออกอำนาจพิเศษ ตอนนี้คุณเอกสิทธิ์ คุณานันทกุล ประธานสภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย ได้แถลงการณ์สนับสนุนให้รัฐออกม.44 มาช่วยแก้ปัญหา ก็อยากจะให้รอบคอบก่อนที่จะออกกฎหมายอะไรออกมา”
ส่วนการใช้ ม.44 ให้เวลา 6 เดือน ในการแก้ปัญหา นางสิริวันมองว่าไม่ถึงกับ Win-Win ไม่มีอะไรได้มาทั้งหมดและเสียทั้งหมด ต้องมาเรียงลำดับสำคัญปัญหาของไทย บางอย่างอาจไม่ได้หมดแต่อะไรที่เป็นปัญหาเร่งด่วน เช่น เรื่องค้ามนุษย์ที่ออกพ.ร.ก.มาจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเมื่อออกมา 100% แล้วจะแก้ปัญหาได้ แล้วปัญหาของการค้ามนุษย์มีขนาดไหน คิดว่า 1% ก็เป็นความเสียหายของประเทศ แม้จะมี 1 คนพูดออกมาแล้วสังคมโลกหรือสังคมไทยรับไม่ได้ แล้วจะมั่นใจได้อย่างไรจากการที่ท่านอธิบดีฯให้สัมภาษณ์ว่ามีกฎหมายการแก้ไขการค้ามนุษย์ แล้วกฎหมายที่มีอยู่ในตอนนี้ยังไม่สัมฤทธิ์ผล การบังคับใช้กฎหมายติดขัดในขั้นตอนไหน ถึงคิดว่ามาตอนนี้ถึงจะแก้ได้ จึงอยากจะฝากถามว่าถ้าม.44 ออกมาแล้วทุกอย่างที่จะสัมฤทธิ์ผลจะต้องสะท้อนความเป็นจริงของสังคมหรือไม่
“ภาครัฐมีเจ้าหน้าที่กี่คนที่มาดำเนินการให้ตรงนี้ลุล่วง หรืออย่างกระบวนการใน 180 วันของภาครัฐ หากเป็นในรูปแบบเก่าให้ทุกคนหยุด 180 วัน เพื่อกลับไปทำอะไรให้ถูกต้อง แล้วงานที่ดำเนินการอยู่ในช่วง 180 วันใครจะทำ อีกเรื่องคือความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย อย่าง SME ที่มีแรงงานต่างชาติ 90% ต้องหยุดงาน 1-2 วัน เพราะต้องไปต่อทะเบียนดำเนินการแรงงานต่างชาติ ขณะเดียวกัน SME พื้นที่ข้างๆ อาจจะมองว่ายังไม่ต้องไปเพราะหากต้องไปต่อทะเบียนต้องเสียเวลา 1-2 วัน อาจจะมีการจ่ายให้กับผู้มีอำนาจเพื่อมาตรวจสอบ ก็เป็นความไม่เป็นธรรมกับคนที่เคารพกฎหมาย ที่เคยไม่เคารพกฎหมายมองว่าต้องเสียเวลาหยุดงานแต่ถ้ามาจ่ายนอกระบบเพื่อให้ดำเนินงานได้ไม่ต้องหยุดงาน รัฐบาลต้องให้ความชัดเจนว่าการเคารพกฎหมายและการไม่เคารพกฎหมายจะมีผลต่างกันอย่างไร ไม่ใช่เอาเข้าง่ายอย่างมาตรวจ 1 ที ก็จ่าย 1 ที เพียงเพราะไม่เสียเวลาแต่อาจมีต้นทุนเพิ่มนิดหน่อย” นางสิริวันกล่าวและมองปัญหาของ พ.ร.ก.แรงงานต่างชาติฉบับใหม่คิดว่าเป็นเรื่องการบริหารจัดการของภาครัฐ
“ขอฝากถึงเรื่องไทยแลนด์ 4.0 จากการได้เข้าไปดูแบบฟอร์มทั้งหลายที่ต้องกรอกรรายละเอียด คิดแล้วว่าคงไม่ทันไทยแลนด์ 4.0 เพราะถ้านับเพียงเรื่องภาระในการกรอกเอกสารแบบฟอร์มก็หมดเวลาแล้วครึ่งวัน ทำให้ต้องไปปฎิรูปตั้งแต่เรื่องการกรอกแบบฟอร์มคนเข้าออกให้ไปทบทวนดูใหม่หมด”