ศาลฎีกามีคำสั่งให้ DELTA จ่ายภาษีย้อนหลังปี 2540-2543 ให้กรมสรรพากร 733 ล้านบาท ด้านบริษัทแจงคิดว่าจะชนะคดีจึงไม่ได้เตรียมเงินสำรองเผื่อไว้ จึงต้องตั้งสำรองทั้งก้อน ในไตรมาส 2/2560แจ้งผู้ถือหุ้นผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ต้องตกใจเพราะมีสภาพคล่องเหลือเฟือ
เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA เจอคำสั่งจ่ายภาษีย้อนหลัง โดยเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2560 ที่ผ่านมาศาลฎีกามีคำพิพากษาให้บริษัทชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลจำนวน733,659,893.32 บาท ให้แก่กรมสรรพากร ซึ่งเป็นภาษีสำหรับปี 2540-2543 โดยรวมเบี้ยปรับและเงินเพิ่มแล้ว
คดีนี้สืบเนื่องจากในปี 2549 บริษัท DELTA ได้รับหนังสือประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลจากกรมสรรพากรสำหรับปี 2540 ถึง 2543 เป็นจำนวนเงิน 733,659,893.32 บาท ซึ่งต่อมาบริษัทได้ดำเนินการยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา และบริษัทได้เปิดเผยไว้ในหมายเหตุประกอบงบการเงินมาตลอดตั้งแต่ปี 2549
DELTA ระบุว่า ที่ผ่านมาบริษัทเชื่อว่าจะสามารถชนะคดีได้จึงไม่ได้ตั้งสำรอง และจากคำสั่งศาลดังกล่าวทำให้บริษัทจะต้องตั้งสำรองทั้งจำนวนในงวดไตรมาส 2 /2560
พร้อมระบุว่าคำพิพากษาไม่ได้ส่งผลกระทบต่อบริษัทมากนัก เนื่องจากบริษัทมีฐานะการเงินและผลการดำเนินงานรวมถึงสภาพคล่องเพียงพอ โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม.2560 บริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้น 29,247 ล้านบาท มีกำไรสุทธิในไตรมาส 1/2560 จำนวน 1,349 ล้านบาท มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 18,979 ล้านบาท หรือเทียบเท่า 556 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมากพอเมื่อเทียบกับภาษีที่ต้องชำระตามคำพิพากษามีจำนวน 733,659,893.32 บาท หรือเทียบเท่า 21.5 ล้านดอลลาร์
“เพื่อเป็นการลดผลกระทบด้านกระแสเงินสดของบริษัทให้น้อยที่สุด บริษัทจะดำเนินการขอเจรจากับกรมสรรพากร เพื่อแบ่งชำระเงินภาษีดังกล่าวต่อไป แต่หากไม่สามารถเจรจาต่อรองได้ ก็จะไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินการใด ๆ เนื่องจากบริษัทมีสภาพคล่องเพียงพอ”
อย่างไรก็ตาม ผลดังกล่าวทำให้สถานะกำไรของบริษัทต้องถูกลดทอนลง ซึ่งไม่เป็นผลดี และเมื่อบริษัทยืนยันข่าวนี้ในบ้ายวันพุธที่ 28 มิถุนายน ราคาหุ้น DELTA ก็ปรับลดลงจาก 91 บาทต่อหุ้นลงมาปิดที่ 88 บาทต่อหุ้น