top of page
369286.jpg

ขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป


เอาแค่สั้นๆ ก่อน ! ภาพแนวโน้มของตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นรายสัปดาห์ หรือ Weekly และรายเดือน หรือ Monthly ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในมุมมองของผม คือ ตราบใดที่ SET ยังคงไม่ปรับตัวลงมาปิดต่ำกว่า 1,560 จุดอีกครั้ง ในเชิง Tactical ยังคงต้องมองไว้ก่อนว่า SET ยังคงอยู่ในแนวโน้มของการแกว่งตัวขึ้น

เนื่องจากถ้าพิจารณาจาก Dashboard ของเราจะพบว่า SET ยังคงอยู่ในสถานะของการเกิด Golden Cross ครบทั้ง 5 ขั้น และ Indicators ระยะสั้นทั้ง 5 ตัวยังคงอยู่ในสถานะ Bullish ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกันแล้ว

ขณะที่ปัจจัยบวกที่เข้ามาหนุนเพิ่มเติมในมุมมอง Relative Strength คือการที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา SET กลับมามีสัญญาณที่ดีกว่า หรือ Outperform ทั้งในส่วนของตลาดหุ้นสหรัฐ ผ่านดัชนี S&P500 และภูมิภาค ผ่านดัชนี FTSE ASEAN40 อีกครั้ง ซึ่งเหตุผลหลักๆ คงต้องยอมรับว่ามาจากการที่ตั้งแต่ต้นปี 2560 SET ปรับตัวขึ้นมาน้อยมากเพียง 2.6% เทียบกับตลาดหุ้น ASEAN และ Asia ex Japan ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 8.8% และ 22.0% ตามลำดับ

ในส่วนของปัจจัยลบจากการเคลื่อนไหวของนักลงทุนต่างชาติที่เริ่มชะลอการเข้าซื้อในตลาดหุ้นไทยไปอย่างชัดเจน สอดคล้องกับสัญญาณของ Fund Flows ใน Dashboard ที่ระบุว่าทิศทางของนักลงทุนต่างชาติยังคงเป็นลบ หรือ Pessimism ซึ่งในมุมมองของผมยังคงมองโลกในแง่บวกคือ ปัจจัยดังกล่าวน่าจะเป็นผลแค่ทำให้กรอบการแกว่งตัวขึ้นของ SET จำกัดเท่านั้น และไม่น่าจะมีผลต่อการปรับตัวลงหนักๆ ของ SET ในระยะต่อไป

เนื่องจากการที่ค่าเงินบาทยังคงยู่ในแนวโน้มที่แข็งค่า หรือ Strength ต่อเนื่อง จะช่วยลดโอกาสในการขายหนักๆ ในลักษณะ Sell-Off ของนักลงทุนต่างชาติในระยะสั้นทั้งในราย Weekly หรือ Monthly ได้

อย่างไรก็ดีแม้ว่าในระยะสั้น SET จะมีปัจจัยในเชิง Tactical เป็นปัจจัยบวก แต่ผมยังคงมองว่ากรอบการแกว่งขึ้นของ SET ในระยะสั้นจะยังคงจำกัดอยู่มาก และประมาณ Potential Upside ที่บริเวณ 1,590-1,610 จุดก่อนเท่านั้น ซึ่งก็หมายความว่านักลงทุนจะเลือกที่จะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนขึ้นมาที่ 75% ตาม Tactical หรือจะเลือก Let Profit Run กับน้ำหนักของหุ้นในพอร์ตที่ 50% ก็ได้ ด้วยเหตุผลที่ว่าการที่นักลงทุนต่างชาติยังคงมีแนวโน้มชะลอการเข้าซื้อ และการที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมาน้อยกว่าภูมิภาคในช่วงที่ผ่านมา ไม่ได้หมายความว่าจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อไปได้มากกว่าในระยะต่อไป เพราะสาเหตุของ การที่ต่างชาติชะลอการเข้าซื้อ และ SET ปรับตัวขึ้นน้อยในช่วงที่ผ่านมา มีปัจจัยพื้นฐานรองรับอยู่ โดยเฉพาะปัจจัยพื้นฐานที่เปราะบางทั้งในส่วนของการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่า 4% ต่อเนื่อง และความสามารถในการทำกำไร ที่ดูเหมือนว่าการขยายตัวของกำไรต่อหุ้นของ SET จะเริ่มเคยชินกับระดับต่ำกว่า 10% แล้ว สวนทางกับค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้น ASEAN และ Asia ex Japan ในปี 2560 ที่ขยายตัวในระดับ 22.3% และ 20.1% อย่างชัดเจน

หุ้นเล็กนำตลาดทำให้ไปต่อแรงๆ ไม่ได้ ! : แน่นอนว่าถ้าดูภาพในระยะสั้นทิศทางของตลาดหุ้นโลกดูจะยังคงรักษาเนื้อรักษาตัวให้อยู่ใน Momentum ขาขึ้นได้อยู่สะท้อนออกมาจากการที่ในทางเทคนิคดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐ, ยุโรป และญี่ปุ่นยังคงยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ทุกเส้นได้ ขณะที่ในส่วนของตลาดหุ้นสหรัฐในฐานะตัวแทนของตลาดหุ้นโลก พบว่าล่าสุดผลสำรวจความเชื่อมั่นของนักลงทุนสหรัฐจาก AAII ในสัปดาห์ที่ผ่านมา (15-21 มิ.ย.2560) จะพบว่าสัดส่วนนักลงทุนที่เชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐยังเป็นขาขึ้น หรือ Bullish เพิ่มขึ้น 0.4% สู่ระดับ 32.7% ยังคงสูงกว่าสัดส่วนนักลงทุนที่เชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐเป็นขาลงแล้ว หรือ Bearish ที่ลดลง 0.6% สู่ระดับ 28.9%

สอดคล้องกับการที่ดัชนี VIX Index (ล่าสุดอยู่ที่ 10.02) และ HSI VIX Index (ล่าสุดอยู่ที่ 12.62) ยังคงแกว่งตัวต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย EMA 75 วันที่ 11.30 และ 13.01 สะท้อนให้เห็นว่าแนวโน้มขาขึ้นของตลาดหุ้นโลก และภูมิภาคจะยังคงอยู่ต่อไป อย่างไรก็ดีแม้ว่าล่าสุด SET จะ Outperform ทั้งตลาดหุ้นโลกที่มีสหรัฐเป็น Proxy และตลาดหุ้น ASEAN เป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกันแล้ว แต่ข้อเสียคือหุ้นใหญ่ใน SET50 ยังคง Underperform เมื่อเทียบกับ SET สะท้อนว่าตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นถูกขับเคลื่อนด้วยหุ้นขนาดเล็กเป็นหลัก ซึ่งจะส่งผลให้การขยับขึ้นต่อของ SET ค่อนข้างจำกัด และขาดน้ำหนัก

ในส่วนของกลยุทธ์ สำหรับการลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) : กรณีที่ SET ยังคงปิดเหนือกว่า 1,560 (+/-5) จุดได้ แนะนำ “อ่อนตัวซื้อเก็งกำไร” ในหุ้น PTTGC, KBANK, SCB, STEC, CK, SCC, LH, SIRI, INTUCH และ ADVANC ขณะที่กรณีตรงข้ามที่ SET กลับมาปิดต่ำกว่า 1,560 (+/-5) จุดอีกครั้ง แนะนำ กลับมา “ถือเงินสด” หรือ “Wait and See” สำหรับการลงทุนระยะกลาง (1-3 เดือน) ในลักษณะ Long-Only แนะนำ “เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นมาที่ระดับ 75% ของพอร์ต”

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยครับ สำหรับการพูดคุยกันระหว่างสัปดาห์นอกจากทาง Facebook ที่ www.facebook.com/wealthhuntersclub และ e-mail ที่ moobin.stockmania@gmail.com แล้ว แฟนๆ ยังสามารถติดตามมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนจากนายหมูบินได้ทาง FM 101 ทุกวันอาทิตย์ในรายการ ”เซียนเศรษฐกิจ” เวลา 10.00-12.00 น.เช่นเดิมครับ

 

ภาพประกอบ : การวิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิครายวัน

20 views
bottom of page