top of page
312345.jpg

มดน้อยกับนักขายฝัน


สมัยนี้ถ้าใครไม่รู้จักคำว่า “วิสัยทัศน์” ต้องถือว่าเป็นคนตกยุคอย่างแรง ไม่สมควรให้อภัย เพราะหน่วยงานภาครัฐและเอกชนยุคนี้มักจะกำหนดวิสัยทัศน์ของตัวเองติดประกาศให้คนอ่านเวลาว่างๆ ไม่ทราบว่าจะทำอะไร

ผมเองไม่แน่ใจว่า ตัวเองเข้าใจความหมายของคำว่า “วิสัยทัศน์” ถูกต้องหรือเปล่า ว่า เป็นเป้าหมายที่เกิดจากความหวังของผู้บริหารองค์กรที่ต้องการสร้างตัวตนที่พึงประสงค์จะเห็นขององค์การในอนาคตระยะยาว เพื่อให้ทุกคนและทุกหน่วยงานในองค์การทำภารกิจไปในแนวทางเดียวกัน เพื่อผลักดันให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้

ที่ว่าไม่แน่ใจว่าเข้าใจความหมายของคำว่าวิสัยทัศน์ถูกต้องหรือเปล่า เพราะเวลาไปติดต่องานกับหน่วยงานราชการและสถาบันการเงินหลายแห่ง สังเกตว่าหน่วยงานแต่ละแห่งในองค์กรเดียวกัน มีวิสัยทัศน์ไม่เหมือนกัน ซึ่งความจริงองค์กรน่าจะมีวิสัยทัศน์เพียงหนึ่งเดียว ส่วนหน่วยงานย่อยในองค์กรควรจะมีหน้าที่ปฏิบัติงานตามภารกิจหรือพันธกิจให้ประสบผลสำเร็จตามวิสัยทัศน์ขององค์กร วันหลังเจอผู้รู้เรื่องนี้จะลองสอบถามดูว่า เข้าใจถูกผิดคลาดเคลื่อนประการใด ที่หยิบมาพูดเพราะเผอิญนึกขึ้นมาได้ระหว่างเขียนบทความนี้ ไม่ได้มีนัยสำคัญประการใดหรอกครับ

ความจริงที่หยิบเรื่องวิสัยทัศน์ขึ้นมาคุยกับท่านผู้อ่าน เพราะผมรู้สึกว่าคนไทยยุคนี้ตีความคำว่า วิสัยทัศน์ กว้างมาก บางทีตัดสินใจลงทุนซื้อหุ้น ซื้อหุ้นกู้ ซื้อตราสารหนี้หน้าตาแปลกๆ ที่ไม่รู้จักเพียงพอ เพราะเชื่อในวิสัยทัศน์ของผู้บริหารบริษัทว่าจะสร้างรายได้และผลกำไรของบริษัทที่เข้าไปลงทุน โดยไม่สนใจว่าวิสัยทัศน์นั้นมีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด มีความเสี่ยงสูงแค่ไหน และถ้าการดำเนินงานไม่เป็นไปตามวิสัยทัศน์ หรือไม่มีการดำเนินงานเพราะเป็นเพียงสตอรี่หรือเรื่องที่เขาสร้างขึ้นขายฝันให้บรรดานักลงทุนแมงเม่าทั้งหลาย บินเข้ากองไฟเท่านั้น

นอกจากนั้น เรายังเชื่อว่า คนที่พูดเก่ง ขายฝันเก่ง เป็นคนมีวิสัยทัศน์ เป็นนักบริหารที่ดี สามารถที่จะเป็นผู้นำองค์กรได้ ทั้งๆ ที่เป็นคนที่ไม่เคยลงมือทำงานเอง ส่วนคนที่ก้มหน้าก้มตาทำงานตามหน้าที่ มักจะถูกตราหน้าว่าเป็นคนที่ไม่มีวิสัยทัศน์ ขาดความเป็นผู้นำ โดยลืมนึกไปว่าคนที่ทำงานจริงจังทั้งงานของตัวเองและงานส่วนรวมของนักวิสัยทัศน์นั้น ย่อมไม่มีเวลาหรือโอกาสที่จะแสดงวิสัยทัศน์ให้ใครฟัง เพราะคนประเภทนี้จะถูกมอบหมายให้ทำแต่งาน ส่วนคนประเภทที่รู้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องงานของตัวเอง กลับเป็นผู้ที่ได้รับโอกาสให้แสดงความคิดเห็นหรือวิสัยทัศน์จากผู้บังคับบัญชาโดยไม่ต้องรับผิดชอบทำงานอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันนอกจากการพูด

ท่านผู้อ่านหลายคนอาจไม่เชื่อสิ่งที่เล่าให้ฟัง แต่ประสบการณ์ในการทำงานของผมในฐานะผู้บริหารองค์กรหลายสิบปีพบว่า คนที่เป็นนักสร้างวิสัยทัศน์หรือสตอรี่นั้น ไม่มีวันที่จะทำงานเป็นชิ้นเป็นอันได้ แต่นักทำงานหรือนักปฏิบัตินั้นถ้าได้รับโอกาสสามารถเป็นผู้บริหารที่ดี มีวิสัยทัศน์ได้ เพราะทราบศักยภาพและข้อจำกัดของทรัพยากรในองค์กรเป็นอย่างดี

ผมเขียนบทความนี้เพราะเห็นคนโพสต์ในโซเชียลเรื่อง “มดน้อย” ที่ไม่ทราบว่าใครเขียน แต่น่าจะแปลมาจากภาษาอังกฤษ สรุปว่า มีองค์กรแห่งหนึ่งมีสิงโตเป็นหัวหน้า มีมดน้อยเป็นลูกน้อง ลูกน้องก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างมีความสุขตามประสามด จนวันหนึ่งสิงโตคิดว่า ขนาดไม่มีใครวางแผนงานคุมงานมดน้อย ผลงานยังออกมาดีขนาดนี้ ถ้าจ้างใครต่อใครมาวางแผนกำหนดวิสัยทัศน์ คุมงาน ผลงานน่าจะออกมาดียิ่งขึ้น เลยจ้างสารพัดสัตว์มาวางแผนคุมงาน ส่วนคนทำงานยังเป็นมดน้อยตัวเดิม ทำให้ผลงานของมดน้อยด้อยลงเพราะมัวเขียนรายงาน ถูกสัมภาษณ์จนไม่มีเวลาทำงาน บรรยากาศในการทำงานก็เสียไป ไม่มีใครมีความสุข เพราะนอกจากมดน้อยที่มีงานทำแล้ว คนอื่นต้องพยายามหางานทำให้สิงโตเห็น ขัดกันไปขัดกันมา

ผมอ่านข้อเขียนในโซเชียลชิ้นนี้ ซึ่งต้องขอโทษท่านผู้เขียนที่ไม่ทราบว่าเป็นใครที่นำมาเล่าให้ท่านผู้อ่านฟัง เพราะชอบที่เขาเข้าใจเปรียบเทียบ เนื่องจากมีความรู้สึกมานานแล้วว่า เมืองไทยเรานี้มีนักคิด นักพูด นักเขียน นักขายฝันมากมาย แต่ขาดแคลนนักปฏิบัติที่จะทำให้วิสัยทัศน์สารพัดกลายเป็นความจริงขึ้นมา

ท่านผู้อ่านลองนึกทบทวนดูก็ได้ครับวา เราเคยได้รับการขายฝันว่าเมืองไทยจะเป็นศูนย์กลางธุรกิจอะไรต่อมิอะไรบ้าง เท่าที่ผมจำได้ก็มีฮับการบิน ฮับโลจิสติกส์ ฮับการท่องเที่ยว ฮับแฟชั่นโลก ฮับอาหารไทย ฮับ ITC ฮับดิจิทัลอาเซียน ฮับการศึกษาประชาคมอาเซียน ฮับสุขภาพนานาชาติ ฯลฯ ข้อเท็จจริงคือปัจจุบันนี้ยังไม่ทราบว่า เราได้เป็นฮับอะไรแน่นอน ยกเว้นฮับนักท่องเที่ยวประเภทแบ็กแพ็กหรือหนีตายดาบหน้า เข้ามาเช่าหอพักค้ายาเสพติด ซึ่งไม่เคยประกาศให้เป็นฮับอย่างเป็นทางการ

ผมคิดว่า ถ้าจะทำวิสัยทัศน์ให้กลายเป็นความจริง สังคมไทยน่าจะลดความสำคัญของการมุ่งสร้างวิสัยทัศน์ใหม่เหมือนการสร้างสตอรี่รายวัน แล้วเน้นความสำคัญภาคปฏิบัติ โดยเร่งสร้างมดน้อยและให้ความสำคัญกับมดน้อยหรือคนทำงานมากขึ้น ทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน

วิสัยทัศน์นั้นต่อให้เลิศหรูอย่างไร ถ้าขาดคนปฏิบัติ ขาดคนทำงานแบบมดน้อย วิสัยทัศน์ก็จะเป็นแค่สตอรี่หรือความฝันที่ลอยค้างอยู่กลางอากาศตลอดไป

ใช่ไหมครับ?

21 views
bottom of page