ขณะที่เรากำลังฝันเฟื่องอยู่กับ Thailand 4.0 แต่กลับมีรูรั่วในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศมากมาย ที่แสดงถึงความล้าหลังในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านกฎหมาย
เมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว เจ้าหน้าที่ไทยจับกุมชายจีน 3 คนที่ห้องเช่าในอรัญประเทศพร้อมโทรศัพท์สมาร์ทโฟนยี่ห้อไอโฟน 474 เครื่อง กับซิมการ์ดหลายร้อยมัด มัดละ 50 ชิ้น รวมแล้วกว่า 10,000 ซิม
ผู้ต้องหาให้ปากคำว่า ใช้ห้องเช่านี้เป็นสำนักงานรับจ้างทำยอดไลค์ (Like-ถูกใจ) ยอดวิว (View) ผ่านระบบวีแชร์ (vShare-vShare Application) โดยทำมาประมาณ 3 เดือนแล้ว
เขาเปิดเผยว่า ได้รับค่าจ้างจากบริษัทโซเชียลเน็ตเวิร์ก WeChat ที่ใหญ่ที่สุดของจีนเดือนละ 150,000 บาท เพื่อสร้างเครือข่ายคลิกกระตุ้นการเข้าเยี่ยมชมเว็บของลูกค้าโฆษณา ในลักษณะสร้างตัวเลขจำนวนผู้เยี่ยมชมอำพราง (Artificial Engagement)
วีแชต เป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้บริการในจีนถึงเดือนละ 700 ล้านคน
การที่เลือกมาทำงานที่ไทย ก็เพราะค่าใช้จ่ายในการใช้สมาร์ทโฟนในไทยถูกกว่าที่จีนมาก
การรับจ้างหรือเป็นตัวกลางจ้างคลิกนี้ ไม่ถือเป็นความผิดทางกฎหมาย ตำรวจจึงแจ้งข้อหาได้แค่ใช้ซิมการ์ดที่ไม่ได้จดทะเบียน ไม่มีใบอนุญาตทำงานในประเทศไทย และพักอยู่เกินวีซ่ากำหนด อัตราค่าปรับ 1,000-100,000 บาทเท่านั้น
การที่คนจีนในคราบนักท่องเที่ยวใช้ไทยเป็นแหล่งรับจ้างกด LIKE กด SHARE ในเว็บโซเชียลมีเดียเช่นนี้ ทำให้เกิดความกังวลในอนาคตว่า อาชญากรรมดิจิทัลในรูปแบบใหม่ๆ จะตามมา เหมือนครั้งหนึ่งแก๊งชาวอินเดียเข้ามาทำศูนย์คอลเซ็นเตอร์เป็นตัวอย่าง
ขณะเดียวกัน รัฐบาลพยายามหาทางจัดเก็บภาษีอีคอมเมิร์ซและโฆษณาออนไลน์ให้ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยกว่าปัจจุบัน
เพราะการประกอบกิจการอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยทุกวันนี้มีมูลค่ามหาศาล และเติบโตเร็วที่สุดในย่านอาเซียน
แสดงถึงว่า ที่ผ่านๆ มานั้น รัฐบาลหรือกรมที่เกี่ยวข้องกับภาษีทั้งหลาย ไม่สามารถตามทันการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลประกอบการพาณิชย์ได้
รูรั่วที่เพิ่งจะพบเจอนี้ ทำให้แก๊งกดคลิกจีนใช้เป็นช่องทางเล็ดลอดเข้ามาทำมาหากินกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน
มูลค่าการค้าขายออนไลน์หรืออีคอมเมิร์ซของไทยนั้น ขณะนี้มีถึง 3.1 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 105,400 ล้านบาท) อัตราเติบโตสูงถึง 27% ต่อปี
ส่วนตัวเลขโฆษณาออนไลน์นั้น กว่า 2 หมื่นล้านบาทต่อปี
ตัวเลขนี้ จูงไปถึงองค์ประกอบสำคัญที่ขับเคลื่อนการใช้จ่ายในสนามโฆษณาออนไลน์ที่แก๊งชาวจีนทั้ง 3 คนที่ถูกจับกุมแอบเข้ามาทำมาหากินที่สระแก้ว
แก๊งคลิกไลค์จีนแก๊งนี้ ลงทุนลักลอบนำไอโฟนกับซิมการ์ดจำนวนมากหนีภาษีเข้ามานั้น ดูแล้วเข้าข่ายลักลอบนำสินค้าหนีภาษีเข้ามาจำหน่าย แต่เมื่อสารภาพว่าเข้ามาตั้งสำนักงานรับจ้างทำยอดคลิกยอดวิว ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่ไม่ผิดกฎหมาย
การที่ต้องใช้โทรศัพท์หลายตัวในการทำยอดคลิก ยอดวิวนั้น ก็ด้วยกติกาว่าผู้คลิก จะต้องใช้สมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง (1 IP) เท่านั้น เพราะใช้ 1 Username ต่อบัญชี
ห้ามสมัครหลายบัญชีหรือหลาย Username มิฉะนั้นจะโดน ban หรือถูกตัดทิ้ง
ผู้จ้างจะมีโฆษณามาให้คลิกทุกวันในเวลาเดียวกันกับวันแรก
ผู้รับจ้าง (คลิก) จะมีผู้ช่วยคลิกก็ได้จากการแนะนำ (referral) คนช่วยคลิกจะได้รับเงินค่าจ้างเช่นเดียวกันกับสมาชิก (ผู้รับจ้าง)
แก๊งคลิกจีนมากันแค่ 3 คน หาคนมาช่วยคลิกคนละตัว อย่างเก่งก็คนละไม่เกิน 10 ยูสเซอร์เนม
ไม่จำเป็นต้องใช้ไอโฟน แค่ใช้สมาร์ทโฟนจีนราคาถูกๆ ตัวละพันกว่าบาทก็ทำได้แล้ว
ยิ่งกว่านั้นยังมีข้อจำกัดจำนวนสมาชิกอีก คือถ้าไม่มีการคลิกเกิน 1 เดือนจะถูกตัดทิ้ง
แต่พวกเขาอ้างว่าใช้ไอโฟนเนื่องจากเข้าระบบ vShare ของแอปเปิ้ลจึงต้องใช้ไอโฟน
สำหรับการห้ามส่งเมลไปแนะนำให้คนสมัครต่อนั้น ก็เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าข่ายธุรกิจขายตรงแบบสมาชิกต่อสายสมาชิก (MLM)
แต่สามารถเลี่ยงได้ด้วยการบอกต่อหรือส่งเป็นกระทู้เว็บบอร์ด
กระนั้นก็ยังมีการใช้ศัพท์แสงที่มีลักษณะบางส่วนคล้ายกับระบบขายตรง...คือมีแม่ข่าย (Ref) ลูกข่าย (Downline) มีการเลื่อนระดับทั้งแม่ข่ายเช่นจาก Start-up เป็น Silver เป็น Golden เป็น Platinum เป็น Diamond ฯลฯ
สุดแต่จะตั้งชื่อและระบบเพื่อดูแลกันเอง ดาวน์ไลน์ไหนไม่ทำงานหรือไม่ฮิตทาร์เก็ตตามระยะเวลาที่กำหนดก็จะถูกตัด โดยจะมีการพิจารณากัน 7 วันครั้ง
ขณะนี้ในเมืองไทย มีไม่ต่ำกว่า 35 เว็บที่รับจ้างคลิกจากต่างชาติ เว็บจ้างคลิกโฆษณาอันดับ 1 ของโลก คือ NEOBUX มีสมาชิกทั่วโลกกว่า 3 ล้านคน
ระบบการจ่ายเงินจะเป็นแบบจ่ายทันทีเมื่อมีการกดเบิก (instant) ผ่านระบบ paypal จ่ายให้ในราคาคลิกละ 0.001 USD (ประมาณ 0.034 บาท) ยอดขั้นต่ำที่จะเบิกได้ในครั้งแรกคือ 2 USD ครั้งต่อไป $3,$4,$5 จนถึง $10 ไปเรื่อยๆ
สำหรับเว็บไทย ถ้ามีการจ้างตรงไม่ผ่านคนกลาง จะให้คลิกละ 0.25-0.40 บาท คือคลิกละ 1 สลึง ถึง 40 สตางค์ จ่ายขั้นต่ำ 100-400 บาท คือต้องคลิกให้ได้ 400-1,000 ครั้งจึงจะจ่าย
คนคลิกจะมีรายได้เฉลี่ยวันละ 200-300 บาท แต่ที่ขยันมากๆ อาจได้ถึง 1,000 บาทต่อวัน ด้วยรายได้ขนาดนี้ แก๊งจีน 3 คนคงไม่เข้ามาให้เสียเวลา
เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นคนกลางและแม่ข่าย พ่อข่าย
หากรับงานโดยตรงจากบริษัท อย่างเช่นจาก NEOBUX หรือจากเอเยนซี่โฆษณาโดยตรง ก็จะได้ค่าจ้างสูง
เพราะจำนวนคลิกหรือวิวเหล่านี้ บริษัทรับงานโฆษณา เผยแพร่ จะนำไปคิดเป็นค่าจ้างจากเจ้าของสินค้าและบริการ
โดยปกติจะคิดหัวหรือวิวละ 1.50 ดอลลาร์ (ประมาณ 76.5 บาท)
จำนวนวิว (คลิก) มีมากเท่าใด แรงจูงใจหรือแรงกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของนักท่องเว็บเข้ามาเยี่ยมชมโฆษณาหรืออ่านคอนเทนต์นั้นๆ ก็มีมากเท่านั้น
คลิปที่โด่งดังสุดคือชุด Charlie Bit My Finger เมื่อ 10 ปีก่อน ที่มีผู้เข้าชมถึง 848 ล้านครั้ง และมีการนำมาเผยแพร่ใหม่ เนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปี เมื่อเร็วๆ นี้ (22 พ.ค. 2007)
คลิปนี้ทำรายได้ให้แก่พ่อแม่ของทั้งคู่ถึง 1 ล้านปอนด์ (45 ล้านบาท)
รายได้แบบลาภลอยเช่นนี้ ทำให้มีนายหน้ารับจ้างคลิกเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด...มีสปอตโฆษณาชักชวนร่วมงานในโซเชียลมีเดียกลาดเกลื่อน ด้วยข้อความ เช่น ”ทำงานสบายๆ ที่บ้านได้วันละ...”
จากการสอบถามพนักงานทำงานประจำสำนักงานที่แอบใช้ช่วงเวลาทำงานบนโต๊ะคลิก Like คลิก Share บนจอ ทราบว่ามีรายได้วันละ 100-300 แทบทุกวัน
เป็นรายได้เสริมที่ไม่เลวเลย
หรือหากยุค Thailand 4.0 ถูกหุ่นยนต์อุตสาหกรรม/บริการ แย่งงาน ก็สามารถยึดการรับจ้างกดคลิกเป็นอาชีพหลักได้