
กลุ่มบริษัทบีทีเอสประกาศผลประกอบการงวดประจำปี 2559/60
รายได้รวม 9,618.3 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 4.5
กำไรสุทธิ 2,235.7 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 49.1 จากงวดปี 2558/59
นายรังสิน กฤตลักษณ์ กรรมการบริหารและผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) แจ้งผลประกอบการงวดประจำปี 2559/60 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ในปี 2559/60 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2559 กลุ่มบริษัทบีทีเอส มีรายได้รวมทั้งสิ้น 9.618.3 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 450.6 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4.5 จาก 10,068.9 ล้านบาท ในปี 2558/59 อย่างไรก็ตาม รายได้จากการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทบีทีเอส งวดปี 2559/60 อยู่ที่ 8,606.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,325.9 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 37.0 จากปีก่อน ทั้งนี้ เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการดำเนินงานของธุรกิจระบบขนส่งมวลชน ธุรกิจสื่อโฆษณา และธุรกิจบริการ โดยคิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 64.6, 29.8 และ 51.0 ตามลำดับ
ในขณะที่รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ลดลงร้อยละ 31.2 เนื่องจากการลงทุนซื้อที่ดิน และค่าใช้จ่ายในการขายและการตลาดของโครงการอสังหาริมทรัพย์ ตามแผนความร่วมมือระหว่างกลุ่มบริษัทบีทีเอส และบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ระยะ 5 ปี เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม 25 โครงการ มูลค่า 1 แสนล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานรายธุรกิจงวดปี 2559/60 พบว่า ธุรกิจระบบขนส่งมวลชนมีรายได้รวมจากการดำเนินงาน 4,236.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 64.6% จากปีก่อน เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง รวมถึงการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งกำไรสุทธิจำก BTSGIF และรายได้จากการให้บริการติดตั้งงานระบบและการจัดหารถไฟฟ้าขบวนใหม่สำหรับโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือ (หมอชิต - คูคต) และสายสีเขียวใต้ (แบริ่ง – สมุทรปราการ)
ธุรกิจสื่อโฆษณา มีรายได้รวมจากการดำเนินงาน 3,009.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.8 จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการเติบโตของธุรกิจเดิมที่มีอยู่ ประกอบกับการรับรู้รายได้จาก MACO (ธุรกิจสื่อโฆษณากลางแจ้ง) และ Rabbit Group (ธุรกิจบริการด้านดิจิทัล) ซึ่งผลจากกลยุทธ์การขยายธุรกิจผ่านการเข้าลงทุนในบริษัทสื่อโฆษณาที่มีศักยภาพ
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีรายได้จากการดำเนินงานรวมที่ 617.1 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 31.2 จาก 896.5 ล้านบาท ในปี 2558/59 เนื่องจากรายได้จากอสังหาริมทรัพย์เชิงที่อยู่อาศัยลดลง โดยในปีนี้ บริษัทฯ มีการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในการร่วมค้าระหว่างบริษัทฯ และแสนสิริ จำนวน 252.7 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 270.1 ล้านบาท ทั้งนี้ ส่วนแบ่งขาดทุนดังกล่าวเป็นผลมากจากการลงทุนซื้อที่ดินเพื่อรองรับแผนความร่วมมือระหว่างกันระยะ 5 ปี เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม 25 โครงการ มูลค่า 1 แสนล้านบาท รวมถึงค่าใช้จ่ายในการขายและการตลาดของโครงการเดอะไลน์ที่เปิดตัวไปแล้วและที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆ นี้
อย่างไรก็ดี บริษัทฯ และแสนสิริ เริ่มรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดคอนโดมิเนียมโครงการแรกภายใต้ความร่วมมือระหว่างกัน คือ โครงการเดอะไลน์ สุขุมวิท 71 (291 ห้อง มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท) ตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2559 โดยมีห้องชุดที่โอนกรรมสิทธิ์ไปแล้ว 242 ห้อง และคาดว่าจะสามารถโอนกรรมสิทธิ์ครบทั้งหมดในปี 2560/61
ธุรกิจบริการ บริษัทฯ มีรายได้จากธุรกิจบริการรวม 742.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 250.9 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 51.0 จากปีก่อน เนื่องจากการรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นจากค่าก่อสร้างจากบริษัท HHT Construction รวมถึงรายได้ของร้านอาหาร ChefMan ซึ่งได้ขยายสาขาใหม่แบบบุฟเฟต์ ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2559
ทั้งนี้ รายได้จากธุรกิจระบบขนส่งมวลชน ธุรกิจสื่อโฆษณา ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจบริการ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 49.2, 35.0, 7.2 และ 8.6 ของรายได้รวมจากการดำเนินงาน ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ในปี 2559/60 กลุ่มบริษัทบีทีเอสมีต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารงานรวม 6,465.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,786.9 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 38.2 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีปัจจัยหลักจากการขยายงานของธุรกิจระบบขนส่งมวลชน และธุรกิจสื่อโฆษณา
จากผลการดำเนินงานและต้นทุนค่าใช้จ่ายในปี 2559/60 ข้างต้น ส่งผลให้กลุ่มบริษัทบีทีเอสมีกำไรสุทธิ 2,235.7 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 49.1 จากงวดเดียวกันของปี 2558/59 ที่ 4,390.7 ล้านบาท