
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันการแข่งขันรุนแรง ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ต้องปรับเปลี่ยนกลุ่มลูกค้าใหม่ เพื่อความอยู่รอดและสร้างรายได้ พร้อมทั้งเฝ้าระวังโอเวอร์ซัปพลาย ขณะที่ผู้ซื้อต้องปรับตัว เผยการเก็งกำไรใบจองคอนโดมิเนียมยากมากขึ้น
นายสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและพัฒนา คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันมีการแข่งขันกันที่ค่อนข้างสูงโดยเฉพาะในตลาดที่อยู่อาศัยเพราะว่าช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงที่เศรษฐกิจประเทศไทยอยู่ในภาวะชะลอตัว กำลังซื้อลดลง ความเชื่อมั่นคนไทยลดลงตามปัจจัยลบต่างๆ รวมไปถึงเหตุการณ์ที่นอกเหนือความคาดหมายทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศซึ่งปัจจัยลบต่างๆ เหล่านี้มีผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อม
นอกจากนี้ คนไทยจำนวนหนึ่งอยู่ในภาวะที่มีหนี้ครัวเรือนมากเกินไปในช่วงที่ผ่านมาและมีผลโดยตรงต่อการใช้จ่ายและการขอสินเชื่อธนาคารซึ่งเรื่องการขอสินเชื่อเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัยนี้มีผลกระทบโดยตรงต่อตลาดที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะผู้ซื้อในกลุ่มระดับกลางลงไปหรือคนที่มีรายได้ครัวเรือนประมาณ 40,000-50,000 บาทต่อเดือนลงไป
ส่วนกรณีที่คนไทยกลุ่มมีรายได้ครัวเรือนน้อยกว่าช่วง 40,000-50,000 บาทต่อเดือนลงไปและมีผลกระทบต่อเนื่องมายังตลาดที่อยู่อาศัยนั้นผู้ประกอบหลายรายเลือกที่จะปรับเปลี่ยนกลุ่มลูกค้าของตนเองโดยการเปิดขายโครงการในระดับราคาสูงขึ้นหรือว่าเพิ่มสัดส่วนโครงการระดับกลางขึ้นไปมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ผู้ประกอบการหลายรายที่ในอดีตให้ความสำคัญกับตลาดระดับกลางลงไปก็จำเป็นต้องขยับมาเล่นในตลาดระดับกลางขึ้นไปมากขึ้น ผู้ประกอบการบางรายเพิ่มสัดส่วนโครงการราคาต่ำแต่อยู่ในทำเลตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้าง หรือผู้ประกอบการที่ในอดีตเน้นการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในเมืองก็เพิ่มสัดส่วนโครงการบ้านจัดสรรมากขึ้น ผู้ประกอบการที่มีทั้งโครงการบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมก็เพิ่มสัดส่วนบ้านจัดสรรระดับราคา 5 ล้านบาทขึ้นไปมากขึ้นจะเห็นได้ว่าตลาดบ้านจัดสรรเป็นทางเลือกที่ผู้ประกอบการหลายรายเลือกเป็นช่องทางหารายได้ในช่วงนี้
นายสุรเชษฐ กล่าวอีกว่า ผู้ประกอบการรายใหญ่ส่วนใหญ่นั้นมีการปรับตัวเพื่อความอยู่รอดและเพื่อการสร้างรายได้แบบต่อเนื่องอยู่แล้ว แต่ผู้ประกอบการรายเล็กหรือหน้าใหม่หลายรายเริ่มมีปัญหาโดยเฉพาะเรื่องของเงินทุนเพราะติดขัดที่ธนาคารเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อและไม่มีช่องทางการระดมทุนแบบรายใหญ่ นอกจากนี้ผู้ประกอบการทุกรายมีการเฝ้าระวังเรื่องของโอเวอร์ซัปพลายอีกทั้งมีธนาคารต่างๆ เป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่คอยควบคุมจึงไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลใจสำหรับคนทั่วไป ผู้ประกอบการรายใหญ่หลายรายที่เปิดขายโครงการในพื้นที่เมืองชั้นในมีการออกไปเปิดขายโครงการที่ต่างประเทศเพื่อจะได้เข้าถึงผู้ซื้อต่างชาติโดยตรง ผู้ซื้อทั่วไปต่างหากที่ควรปรับตัวเพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมากระแสการลงทุนในคอนโดมิเนียมนั้นค่อนข้างรุนแรง ทำให้คนจำนวนไม่น้อยอยากจะลงทุนในคอนโดมิเนียมบ้างโดยเฉพาะการลงทุนระยะสั้นแบบเก็งกำไรใบจองทำให้ตลาดคอนโดมิเนียมในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาติดขัดเพราะมีผู้ซื้อจำนวนไม่น้อยทิ้งใบจองไม่ยอมโอนกรรมสิทธิ์
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการรายใหญ่นั้นมีการปรับตัวเปลี่ยนแปลงแบบต่อเนื่องผันแปรไปตามภาวะตลาดจะน่าห่วงก็กลุ่มของรายเล็กและรายใหม่ที่ยังปรับตัวได้ช้าและติดขัดในเรื่องของเงินทุน กลุ่มของผู้ซื้อเองก็น่าเป็นห่วงเพราะถ้าทุกคนยังคิดว่าการลงทุนในคอนโดมิเนียมนั้นง่ายและเป็นช่องทางในการสร้างรายได้แบบเป็นกอบเป็นกำอยู่ก็น่าเป็นห่วงแน่นอน ปัจจุบันการเก็งกำไรใบจองนั้นทำได้ยากมากๆ ต่างจากในอดีตมากมาย