top of page
312345.jpg

กรุ๊ปลีส เป็น กรุ๊ปเละ..จับไต๋ใช้อัฐยายซื้อขนมยาย?


หุ้นบริษัทกรุ๊ปลีส หรือ GL ถูกเททิ้งเรี่ยราดจาก 60 บาท เหลือ 25 บาท ที่หนักสุดคือหลุดติดฟลอร์ และเป็นหุ้นอันดับหนึ่งที่ถูกขายมากที่สุดในกระดาน เหตุเกิดจากความตกใจ ที่มีรายงานผู้สอบบัญชีได้ตั้งข้อสงสัยในหมายเหตุประกอบงบการเงิน กรณีการให้กู้ยืมเงินแก่บริษัทย่อยในสิงคโปร์ และบริษัทในไซปรัส โดยผู้กู้ใช้หุ้นของ GL เองค้ำประกันเงินกู้ ซึ่งตีประเมินจริงๆแล้วต่ำกว่าวงเงินกู้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ GL คือหุ้นที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นกิจการที่ดีโตไวกำไรสูง หลายโบรกเกอร์แนะนำให้ซื้อ ด้วยราคาเป้าหมาย 70-80 บาท

จากที่ หุ้นบริษัท กรุ๊ปลีส หรือ GL เป็นหุ้นที่ได้รับคำแนะนำตัวหนึ่งว่าเป็นหุ้นน่าลงทุน เป็นหุ้น Trading Buy ด้วยกิจการของบริษัทที่ปล่อยกู้ลีสซิ่งในระดับล่าง โดยเฉพาะการปล่อยกู้รถมอเตอร์ไซค์ ที่มีอัตราการเติบโตใช้ได้ ขณะเดียวกันกับที่ บริษัทมีการขยายกิจการ ใช้กลยุทธ์ต่อยอดขยายตัวเป็นธุรกิจลีสซื่งที่ไม่ใช่แค่ในประเทศเท่านั้น แต่วางแผนทำธุรกิจให้ยิ่งใหญ่ในระดับอาเซียน โดยเข้าไปลงทุนในประเทศต่างๆตามที่มีข่าวออกมาเป็นระยะๆ

โดยบริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดี มีกำไรมาตลอด ปี 2559 ที่ผ่านมา มีกำไรสุทธิ 1,060 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2558 เท่ากับ 82% ดีกว่าที่หลายโบรกเกอร์ประมาณการไว้ด้วยซ้ำ ด้วยการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธภาพ ค่าใช้จ่ายการดำเนินงานที่ลดลง

มีการเริ่มต้นรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของบริษัท JV ที่ศรีลังกาที่ GL ไปลงทุนถือหุ้นไว้ 30% และกำไรจากกัมพูชาและลาวเติบโตต่อเนื่องประมาณ 7% และ +24% ,ยอดการขยายสินเชื่อเพิ่มขึ้น 16% ซึ่งบริษัทระบุว่าเป็นการขยายสินเชื่อหลักๆมาจากกัมพูชา

ที่สำคัญคือมี ต้นทุนการเงินลดลงมาก ทำให้ NII เติบโตดีกว่าสินเชื่อที่โต 26% รวมถึงได้ประโยชน์จากคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้นของพอร์ตสินเชื่อในไทยช่วยให้ตั้งสำรองและมีผลขาดทุนจากการขายรถยึดลดลง

รวมทั้งการประกาศ ยกชั้นขึ้นเป็นบริษัทดิจิตัลไฟแนนซ์ระดับโลก ซึ่งทำให้กลายเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดีรองรับ และนักวิเคราะห์หลายโบรกเกอร์ยืนยันให้ ซื้อหุ้น GL เข้าพอร์ต ด้วยราคาเป้าหมายไล่มาเป็น 60 70 และ 80 บาท

อย่างไรก็ตามเมื่อหุ้นไต่ระดับมาที่ 60 บาท หุ้นกรุ๊ปลีส ก็กลายเป็น กรุ๊ปเละ ไปเสียแล้ว เมื่อปรากฏรายงานการเงินของบริษัท ที่มีความเห็นของผู้สอบบัญชีแนบท้าย ทำให้หุ้นกรุ๊ปลิสกลายเป็นหุ้นที่มีความเสี่ยงไปในทันที โดยหุ้นค่อยๆถูกรินจาก 60 บาทลงมา ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 3 มีนาคม และก็ถูกขายออกต่อเนื่อง จนวันพุธที่ 8 มีนาคม มีการขายมากที่สุดจนกลายเป็นหุ้นอันดับ 1 ในกระดานที่มีการซื้อขายสูงสุด ราคาหุ้นได้ปรับตัวลดลงมาจนติดเกือบชนฟลอร์ที่ 30% โดยราคาลงมาต่ำสุดที่ 33.75 บาท และถ้าเทียบจากที่ขึ้นไปแถว 60 บาทก่อนหล่นลงมาแรงๆ 4 วันเกือบ 44% เลยทีเดียว

การปรับลดลงของหุ้นกรุ๊ปลีส หรือ GL กลายเป็นแพะด้วยว่า คือต้นเหตุสำคัญที่ฉุดให้หุ้นกลุ่มธุรกิจใกล้เคียงกัน อย่าง MTLS และ SAWAD ปรับลดลงตาม และยังถูกเหมาว่าเป็นต้นเหตุที่ฉุดหุ้นทั้งกระดาน ทำให้ดัชนีหุ้นวันที่ 7 โดยเฉพาะวันที่ 8 มีนาคมหลุดแนวรับสำคัญ 1,550 จุด ลงมาที่ 1,534 จุดในวันนั้นด้วย

ทั้งนี้ ในหมายเหตุประกอบงบการเงิน ที่ผู้สอบบัญชีระบุถึงความเสี่ยงในการทำธุรกิจของกรุ๊ปลีส โดยเน้นๆถึงการให้เงินกู้ยืมแก่บริษัทย่อยประเทศสิงคโปร์ 3,477 ล้านบาท ซึ่งมีการให้กู้ยืมต่อให้กับบริษัทในเกาะไซปรัสและสิงคโปร์ และที่สำคัญคือ ผู้กู้นั้น เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทด้วย ซึ่งผู้กู้ได้นำหุ้นบริษัทมาใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการกู้ยืมเงินส่วนหนึ่ง เหมือนๆเอาอัฐยายซื้อขนมยาย ซึ่งผู้สอบบัญชีให้ความเห็นว่า แม้ว่าสินทรัพย์ค้ำประกันมีมูลค่าเกินมูลหนี้ แต่หากหักหุ้น GL จากการเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันตามหลักความระมัดระวังแล้ว มูลค่าสินทรัพย์ค้ำประกันของผู้กู้ทั้งสองกลุ่มจะอยู่ที่แค่ 60% และ 53%

นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า เงินลงทุนในประเทศศรีลังกา 2,545 ล้านบาท เป็นจำนวนที่มากกว่าที่ปรึกษาอิสระประเมินไว้ อีกทั้งในส่วนของ การรับรู้รายได้จากสัญญาเช่าซื้อ นั้นบริษัทมีลูกค้าเป็นรายย่อยจำนวนมาก และรับรู้รายได้อ่านระบบ IT เป็นหลัก จึงมีความเสี่ยงว่าจะมีการรับรู้รายได้ลูกค้าไม่ถูกต้อง

มีการวิเคราะห์ประเมินว่า การทำธุรกิจของกรุ๊ปลีส ที่กู้ยืมโดยใช้หุ้นตัวเองคำประกัน เป็นเรื่องที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจได้ โดยตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีการเล่นแร่แปรธาตุของคนใน GL หรือไม่จึงให้มีการปล่อยกู้กันแบบนี้ แต่ในอีกด้านหนึ่งกลับมองว่า นี่คือการทำ เยนแครี่เทรด คือเอาเงินจากญี่ปุ่นซึ่งผู้ถือหุ้นใหญ่ GL อยู่ในถิ่นอยู่แล้ว กู้เงินดอกเบี้ยต่ำติดลบของญี่ปุ่น มาปล่อยกู้หาส่วนต่างที่สูงกว่าในประเทศอื่นๆ โดยผ่านบริษัทกรุ๊ปลีส ให้กรุ๊ปลีสปล่อยกู้ไปประเทศอื่น เช่น สิงคโปร์ ไซปรัส อีกที ซึ่งอาจเป็นวิธีที่อาจจะต้องอธิบายให้คนเข้าใจให้มากกว่านี้ ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดความเคลือบแคลงสงสัยด้วยเส้นแบ่งความถูกต้องไม่ถูกต้องนั้นค่อนข้างบาง จึงทำให้เกิดความกังวลได้

อย่างไรก็ตาม ทางด้านผู้บริหาร GLก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้เชิญบรรดานัดวิเคราะห์เข้ารับฟังคำชี้แจงแล้วในเย็นวันที่ 8 มีนาคมทันที ซึ่งก็เห็นได้ว่าหุ้น GL พลิกตัวขึ้นมาบ้างแล้ว ซึ่งจากนี้คงต้องรอให้นักวิเคราะห์ที่เข้าฟังข้อมูลมาช่วยประเมินกันให้ชัดๆอีกครั้งว่า ความเสียงในกรุ๊ปลีสในการประกอบธุรกิจมีไหน ผลกระทบโดยรวมจริงๆแล้วเป็นเท่าไร แต่ที่แน่ๆคือ ความเห็นของผู้สอบบัญชีได้ถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นและ หุ้นได้ปรับลงแรงสร้างความเสียหายให้กับนักลงทุนรายย่อยไปเรียบร้อยแล้ว

10 views
bottom of page