บสย.ได้แบ็คดี เกาหลีใต้ส่งต่อประสบการณ์-Knowhow 40 ปี เพิ่มศักยภาพการค้ำประกันสินเชื่อ ก้าวเป็น Thai Technology Rating System เน้นพัฒนาการค้ำประกันกลุ่ม Start up และ Innovation ด้านวงเงินค้ำประกันมีเต็มพิกัด หมดเติม...หมดเติม จบโครงการ PGS5 เตรียม PGS6 ร่วมค้ำประกันต่อเนื่อง
นายนิธิศ มนุญพร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม หรือ บสย. กล่าวในรายการ “เซียนเศรษฐกิจ” ที่จัดขึ้นโดยกองบรรณาธิการ “ดอกเบี้ยธุรกิจ” ถึงการที่รัฐบาลเกาหลีใต้เชิญบสย.ไปดูงานเกี่ยวกับระบบการค้ำประกันสินเชื่อที่ประเทศเกาหลีใต้ ว่า 2 ปี ที่ผ่านมาทางรัฐบาลเกาหลีให้ความช่วยเหลือเรื่อง Knowhow ระบบการค้ำประกันสินเชื่อแก่บสย.และสวทช.ในการที่จะพัฒนาให้ไทยเป็น Thai Technology Rating System โดยเกาหลีใต้ก็มี Korea Technology Rating System ที่ให้ความสำคัญกับการประเมินศักยภาพของ SME กลุ่ม Innovation ซึ่งที่ผ่านมาบสย.ได้รับ knowhow จากรัฐบาลเกาหลีใต้มาแล้วในเฟสแรก และจะรับเฟสที่ 2 ในช่วงกลางปีนี้ถึงปีหน้า
“การเชิญบสย.ให้ไปดูรายละเอียดของระบบค้ำประกันสินเชื่อในเกาหลี เป็นประโยชน์ต่อไทยมาก เพราะเกาหลีให้ความสำคัญในการปล่อยสินเชื่อแก่ SME และได้ก่อตั้งองค์กรมาแล้ว 40 ปี องค์กรนี้เหมือนบสย.ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ เรียกว่า KODIT เป็นหน่วยงานของกระทรวงการคลังเกาหลี...
“จากที่ได้ไปดูงานทำให้ได้คอนเซ็ปต์ต่างๆว่าเกาหลีใต้ออกค้ำประกันสินเชื่อแบบไหน รองรับกับ SME เกาหลีอย่างไร ตอนนี้ในประเทศเกาหลีค้ำประกันสินเชื่อในกลุ่มพวกนวัตกรรมเป็นหลัก ซึ่งสอดคล้องกับบสย.ที่ออกโครงการค้ำประกันสินเชื่อแก่กลุ่ม Start Up Innovation ที่ได้เซ็นสัญญากับแบงก์รัฐและแบงก์เอกชน 17 แห่งตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม SME ที่ทำเรื่อง Innovation หรือ Start Up สามารถไปคุยกับธนาคารได้เลยว่าจะทำสินเชื่อประเภทนี้แต่ไม่มีหลักประกัน บสย.ยินดีที่จะค้ำประกันให้”
ทั้งนี้ นายนิธิศยังกล่าวถึงจำนวนผู้ขอใช้บริการค้ำประกันสินเชื่อกับบสย.ในช่วง 7 เดือนของปีนี้ว่ามีจำนวนมาก รวมเป็นยอดค้ำประกันเกือบ 60,000 ล้านบาท ซึ่งแสดงว่า SME ยังมีความจำเป็นต้องใช้บสย.เป็นนายประกันเพื่อเติมเต็มหลักประกัน โดยขณะที่บสย.มีโครงการสินเชื่อรองรับหลายโครงการของ SME เช่น โครงการรายย่อยการค้ำประกันไม่เกิน 200,000 บาท และโครงการค้ำประกัน PGS5 สำหรับกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า กลุ่มที่ใช้วงเงินไม่เกิน 40 ล้านบาท ซึ่งขยายโครงการไปจนถึงสิ้นปี
“สำหรับโครงการค้ำประกัน PGS5 รองรับสินเชื่อธนาคาร อย่างที่ทราบข่าวว่าสมาคมธนาคารไทยรวมตัวกันออกสินเชื่อ Soft Loan ให้กับ SME และโครงการนี้ก็มาใช้บริการกับบสย.เช่นกัน ส่วนโครงการของธนาคาร SME ที่เรียกว่า Policy Loan สามารถยื่นคำขอได้ถึงสิ้นปี 2559 ก็สามารถมาใช้บริการกับบสย.ได้…
“ในแง่ของ SME ที่จะเริ่มดำเนินกิจการเบื้องต้น ถ้าสนใจจะขอวงเงินกู้แต่ไม่มีหลักประกันก็สามารถโทรมาที่ Call Center 02-890-9999 สามารถปรึกษาได้ จะมีเจ้าหน้าที่แนะนำว่าถ้าจะไปกู้ธนาคารแล้วขาดการค้ำประกันจะทำอย่างไร โดยหลักการบสย.จะแนะนำว่าไปติดต่อธนาคารก่อนเพื่อดูแผนธุรกิจว่าจะมีเงินมาชำระธนาคารได้หรือไม่ ถ้าขาดผู้ค้ำประกันก็บอกได้เลยว่าจะให้บสย.เป็นผู้ค้ำประกัน ทางธนาคารจะส่งเรื่องมาที่บสย.ทันที”
นายนิธิศยังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ บสย.มีวงเงินที่สามารถค้ำประกันได้อีกจำนวนมาก เช่น โครงการเพื่อชาติมีวงเงินถึงสิ้นปี 15,000 ล้านบาท แต่คาดว่าเดือนกันยายนน่าค้ำเต็มวงเงินที่ตั้งไว้ ทั้งนี้เพราะทางธนาคารกรุงไทยออกสินเชื่อ “ใจดี ใจป้ำ” ซึ่งมีผู้ยื่นกู้จำนวนมากและให้บสย.ร่วมค้ำ
“ตอนนี้บสย.ได้เสนอโครงการ PGS6 ไปยังกระทรวงการคลังเพื่อขยายวงเงินค้ำประกันต่อ และทำให้การค้ำประกันดีขึ้นกว่าเดิม ส่วนโครงการพวก Micro ยังมีเวลาให้ยื่นคำขอสำหรับวงเงินไม่เกิน 200,000 บาทไปจนถึงปี 2561 ขณะที่โครงการ Start Up กำหนดถึงสิ้นปี 2560 ในวงเงิน 10,000 ล้านบาท ทำให้ตอนนี้บสย.มีวงเงินรองรับกลุ่ม SME ค่อนข้างมาก คือพร้อมให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่...
“ผู้ที่สนใจที่จะให้บสย.เป็นผู้ประกันให้ สามารถติดต่อได้ที่เบอร์ Call Center 02-890-9999 ในเวลาราชการ 8.30-16.30 น. ส่วนท่านที่ใช้ออนไลน์ก็สามารถหาได้จากใน Google พิมพ์คำว่า บสย. สามารถสอบถามในออนไลน์ได้ 24 ชั่วโมง จะมีเจ้าหน้าที่ตอบคำถามเกี่ยวกับการให้บสย.เป็นผู้ค้ำประกัน”