Jul 8, 20212 min

SET ต้องกลับไปยืน 1,600 จุดให้ได้ก่อน

แค่กังวลระยะสั้นๆ !

ในระยะสั้นตลาดหุ้นโลกมีแนวโน้มที่จะชะลอการปรับตัวขึ้นบ้าง หลังจากที่ปัจจุบันอัตราการฉีดวัคซีนทั่วโลกอยู่ที่ 22.2% ของประชากร ส่วนใหญ่เป็นการฉีดสูงในกลุ่ม DM อย่างสหรัฐ ยูโรโซน อังกฤษ ที่ฉีดสูงถึง 53%, 48% และ 64% ตามลำดับ ส่วนเอเชียฉีดอยู่ที่ 22.4% ซึ่งไทยต่ำกว่าค่าเฉลี่ยภูมิภาคที่ 8.4%

ทั้งนี้แม้จะมีการฉีดวัคซีนได้จนใกล้ระดับที่จะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่แต่หลายประเทศกำลังเผชิญการแพร่ระบาดอีกครั้งจากสายพันธุ์เดลตา ไม่ว่าจะเป็น อิสราเอล สหรัฐ อังกฤษ ทำให้เกิดความเสี่ยงที่แผนการเปิดประเทศจะช้าลงแม้เร่งฉีดวัคซีน ทั้งนี้ภูมิภาคเอเชียยังเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ล่าสุดรัฐบาลมาเลเซียประกาศขยายเวลาล็อกดาวน์ทั่วประเทศโดยไม่มีกำหนด จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดลงวันที่ 28 มิถุนายน 2564 เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังไม่มีแนวโน้มลดลง ในทิศทางเดียวกับอินโดนีเซียที่รัฐบาลอินโดนีเซียอยู่ระหว่างพิจารณาใช้มาตรการฉุกเฉินเพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ภายในประเทศ หลังจากยอดผู้ติดเชื้อของอินโดนีเซียพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์เป็นครั้งที่ 2 ในสัปดาห์นี้ ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาขยายเวลาบังคับใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในกรุงโตเกียวต่อไปอีก 2 สัปดาห์หรือนานกว่านั้น เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังคงพุ่งสูงขึ้น และเหลือเวลาอีกเพียงไม่ถึง 1 เดือนก่อนการแข่งขันกีฬาโตเกียวโอลิมปิกจะเริ่มขึ้น

นอกจากนี้องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้กล่าวเตือนว่ายุโรปกำลังใกล้จะเผชิญการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ และไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาจะเป็นสายพันธุ์หลักในเดือนสิงหาคม 2564 ประกอบกับราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับตัวลงยังคงกดดันหุ้นในกลุ่มน้ำมันของโลกต่อไป เนื่องจากนักลงทุนในตลาดยังคงกังวลหลังจากประเทศในกลุ่ม OPEC+ ยังไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับนโยบายการผลิตน้ำมัน จนเป็นเหตุให้ต้องเลื่อนการประชุมโดยไม่มีกำหนด หลังทางด้านสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ได้ปฏิเสธที่จะยอมรับข้อเสนอการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตไปจนถึงปลายปี 2565

ขณะเดียวกัน UAE ยังเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ในการกำหนดระดับการผลิตขั้นต่ำ โดยหวังว่าจะทำให้โควตาการผลิตน้ำมันของ UAE เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ล่าสุดกลุ่มประเทศ OPEC+ ได้ตัดสินใจเลื่อนการประชุมออกไปโดยไม่มีกำหนด เนื่องจากซาอุดีอาระเบีย และ UAE ยังไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับนโยบายการผลิตน้ำมัน จากเดิมที่นักลงทุนในตลาดคาดว่ากลุ่มประเทศ OPEC+ จะค่อยๆ เพิ่มกำลังการผลิตเดือนละ 4-5 แสนบาร์เรลต่อวันในปีนี้ กลายเป็นไม่เพิ่มเลยเพราะหาข้อสรุปไม่ได้ พร้อมตัดสินใจเลื่อนการประชุมออกไปโดยไม่มีกำหนด ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบโลกดีดเหนือขึ้นไปกว่า 76 เหรียญแล้ว

ปัจจัยต่างประเทศยังคงดีอยู่ ! อย่างไรก็ดีการชะลอการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นโลก คงเป็นเพียงทิศทางในระยะสั้นๆ เท่านั้น เนื่องจากล่าสุดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปียังคงปรับตัวลดลง ขณะที่ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐเพิ่ม 692,000 ตำแหน่งในเดือนมิถุนายน 2564 ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 550,000 ตำแหน่ง หนุนค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าสุดในรอบ 7 สัปดาห์ ขณะที่ที่ตัวเลข Initial Jobless Claims ของสหรัฐลดลงสู่ระดับ 364,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐเมื่อเดือนมีนาคม 2563 นอกจากนี้ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 390,000 ราย และต่ำกว่าสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 415,000 ราย ขณะที่เวลานี้สหรัฐได้ผ่อนคลายมาตรการทุกอย่าง จนสถานการณ์ทุกอย่างเกือบจะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม 100%

ในฝั่งของยุโรป ตัวเลข Composite PMI รวมภาคการผลิตและบริการขั้นสุดท้ายของยูโรโซน อยู่ที่ระดับ 59.5 ในเดือนมิถุนายน 2564 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 57.1 ในเดือนพฤษภาคม 2564 สะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวที่ชัดเจนเช่นกัน ขณะที่ผลสำรวจความเชื่อมั่นของนักลงทุนสหรัฐจาก AAII ที่ระบุว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา สัดส่วนนักลงทุนที่เชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐในระยะ 6 เดือนข้างหน้ายังคงเป็นขาขึ้น หรือ Bullish เปลี่ยนแปลง +8.20% เมื่อเทียบจากสัปดาห์ที่ผ่านมา มาอยู่ที่ 48.60% ขณะที่สัดส่วนนักลงทุนที่เชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐในระยะ 6 เดือนข้างหน้ากำลังกลับเป็นขาลง หรือ Bearish ที่เปลี่ยนแปลง -1.10% เมื่อเทียบจากสัปดาห์ที่ผ่านมา มาอยู่ที่ 22.20% สะท้อนให้เห็นว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดหุ้นโลกยังคงทรงตัวอยู่ในระยะสูง

ในส่วนของตลาดหุ้นไทย แม้ว่าล่าสุด ครม. จะมีการอนุมัติให้ใช้วัคซีน Pfizer และ Modena เป็นวัคซีนหลักมาแล้ว รวมทั้งอนุมัติโครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ ได้รับผลกระทบ ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล (6 จังหวัด) กรอบวงเงิน 2,500 ล้านบาท แต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่กลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีก ทำให้เป็นความเสี่ยงที่อาจจะออกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดเพิ่มเติม ขณะที่ ที่ปรึกษา ศบค.เปิดเผยว่าขณะนี้ไทยเข้าสู่การระบาดระลอก 4 คาดว่าสายพันธุ์เดลตาจะระบาดทั่วกรุงเทพฯ และ ศบค. เตรียมประเมินสถานการณ์หากยอดผู้ติดเชื้อไม่ลด อาจเสนอล็อกดาวน์แบบเมื่อเดือนเมษายน 2564 ดังนั้นในระยะสั้นสำหรับตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิค ตราบใดที่ SET ยังคงไม่สามารถกลับไปปิดเหนือ 1,600 จุดได้ จะยังแกว่งตัวในกรอบ 1,600-1,550 จุดต่อไป โดยมีปัจจัยหนุนจากทิศทางของตลาดหุ้นโลกเป็นตัวจำกัด Potential Downside Risk

ในส่วนของกลยุทธ์ สำหรับการลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) ตราบใดที่ SET ยังคงไม่ลงไปปิดต่ำกว่า 1,550 จุดอีกครั้ง เน้น “เก็งกำไรระยะสั้น” โดยมี 1,550 จุดเป็นจุดหมุน และจุด Cut Loss ในหุ้น CPALL, BJC, CRC, AOT, GPSC, BEM, PTTGC, WHA และ BDMS อีกครั้ง สำหรับการลงทุนระยะกลาง (1-3 เดือน) ในลักษณะ Long-Only แนะนำ “คงสัดส่วนการลงทุนในหุ้นมาอยู่ที่ระดับ 25% ของพอร์ต”

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยครับ สำหรับการพูดคุยกันระหว่างสัปดาห์นอกจากทาง Facebook ที่ www.facebook.com/wealthhuntersclub และ e-mail ที่ moobin.stockmania@gmail.com แล้ว แฟนๆ ยังสามารถติดตามมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนจาก “นายหมูบิน” ได้ในรายการ “เซียนเศรษฐกิจ” ทาง FM 97 ทุกวันอาทิตย์ เวลา 14.00-16.00 น. เช่นเดิมครับ

ภาพประกอบ : การวิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิครายวัน (Daily)

Source: Wealth Hunters Club

15