Nov 18, 20212 min

ตลาดหุ้นจะให้น้ำหนักกับเศรษฐกิจฟื้นตัวมากกว่า

"นายหมูบิน" ยังคงมองว่าทิศทางของตลาดหุ้นโลก และสหรัฐยังคงเป็นขาขึ้นนะครับ แม้ว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมาอาจมีปัจจัยกดดันบ้างจากประเด็นของอัตราเงินเฟ้อ หลังจากที่สหรัฐประกาศเงินเฟ้อเดือน ต.ค. 64 ออกมา 6.2% YoY สูงสุดในรอบ 30 ปี สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 5.9% และจากระดับ 5.4% ในเดือน ก.ย. 64 ขณะที่ในฝั่งของยุโรป คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อของประเทศสมาชิกยูโรโซนในปีนี้ จากเดิมที่ระดับ 2.2% มาอยู่ที่ระดับ 2.4% และปรับเพิ่มอัตราเงินเฟ้อในปี 2565 จากเดิมที่ 1.6% เป็น 2.2% และคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลงมาอยู่ที่ 1.6% ในปี 2566

ประกอบกับมีปัจจัยใหม่เข้ามาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงินกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดี Joe Biden ซึ่งนักลงทุนในตลาดหุ้นโลกมองว่าอาจหนุนให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้น และอาจจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ แต่ “นายหมูบิน” ยังคงมองว่าในระยะต่อไปนักลงทุนในตลาดหุ้นโลก จะให้ความสำคัญกับแนวโน้มของอัตราเงินเฟ้อเพียงปัจจัยเดียว และน่าจะให้น้ำหนักกับการฟื้นตัว และการขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจจริงๆ มากกว่า โดยเฉพาะหลังจากที่ล่าสุดราคาน้ำมันดิบโลกเริ่มมีสัญญาณของการถอยตัวลงมาแล้ว สะท้อนให้เห็นจากการที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ราคาน้ำมันดิบโลกปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน ถือเป็นการปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน ขณะที่สัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของโลก และสหรัฐยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภาคของตลาดแรงงานสหรัฐ ที่ล่าสุดตัวเลข Initial Jobless Claim ลดลงสู่ระดับ 267,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 63 จากระดับ 271,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก สะท้อนออกมาจากผลสำรวจความเชื่อมั่นของนักลงทุนสหรัฐจาก AAII ในสัปดาห์นี้ ที่ระบุว่าสัดส่วนนักลงทุนที่เชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐในระยะ 6 เดือนข้างหน้ายังคงเป็นขาขึ้น หรือ Bullish เพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกันถึง 6.5% ต่อเนื่องจากที่เพิ่มขึ้น 1.7% ในสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ 48.0% ยังคงสามารถยืนเหนือ Historical Average ที่ 38.0% สวนทางกับสัดส่วนนักลงทุนที่เชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐในระยะ 6 เดือนข้างหน้ากำลังกลับเป็นขาลง หรือ Bearish ที่ลดลง 2.0% มาอยู่ที่ 24.0% ต่ำที่สุดในรอบ 18 สัปดาห์ และต่ำกว่า Historical Average ที่ 30.5% ส่งผลให้ระดับ Bull-vs-Bear Spread ขยับขึ้นมาที่ +24.0% สูงที่สุดในรอบ 18 สัปดาห์เช่นกัน

Momentum ของตลาดหุ้นโลก และสหรัฐยังคงเป็นบวก ! ในเชิงเทคนิคการที่ดัชนี MSCI ACWI ยังคงเคลื่อนไหวอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยทุกเส้นได้ รวมทั้งยังคงรักษารูปแบบของ Golden Cross ครบทั้ง 5 ขั้นได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ในปัจจุบันตลาดหุ้นโลกยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นชัดเจน ทั้งนี้ถ้าเราเอารูปแบบของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ หรือ Moving Average (MA) มาเป็นเครื่องมือที่ใช้บ่งบอกความคงอยู่ของแนวโน้มขาขึ้นของตลาดหุ้นโลกในปัจจุบัน

การที่ล่าสุดดัชนี MSCI ACWI ยังคงยืนเหนือ EMA 75 วันที่สะท้อนความคงอยู่ของแนวโน้มราย 3 เดือน และ EMA 200 วันที่สะท้อนความคงอยู่ของแนวโน้มรายปีได้ ก็สามารถระบุได้เลยว่าแนวโน้มขาขึ้นในระยะ 3 เดือน และ 1 ปีของตลาดหุ้นโลกยังคงอยู่ นอกจากนี้ในมุมของ Momentum ของตลาดหุ้น ที่เราสามารถพิจารณาได้ง่ายที่สุด จากทิศทางของดัชนี VIX Index ของแต่ละตลาดหุ้น เนื่องจากเป็นดัชนีที่ในทางสถิติแล้วมักมีความสัมพันธ์เป็นลบ หรือ Negative Correlation กับทิศทางของตลาดหุ้น พบว่าดัชนี VIX Index ของตลาดหุ้นสหรัฐกลับมาปรับตัวลงอย่างมีนัยสำคัญอีกครั้ง

ในส่วนของตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิค “นายหมูบิน” ยังคงยืนยันว่าการปรับตัวลงในระหว่างสัปดาห์ของ SET จะเป็นเพียงการพักตัวเพื่อขึ้นต่อ โดยเป้าหมายในระยะ 1-2 สัปดาห์ บริเวณ Fib Node 0.382 หรือ 38.2% ที่ 1,600 จุดของ SET ยังจะทำหน้าที่เป็นแนวรับ และจุดหมุนที่สำคัญ โดยที่ตราบใด SET ไม่หมุนลงต่ำกว่า 1,600 จุดอีกครั้ง SET น่าจะขยับกรอบการเหวี่ยงตัวขึ้นมาอยู่ที่ 1,650-1,700 จุดได้ หลังจากได้ปัจจัยหนุนจากแนวโน้มการเข้าซื้ออย่างต่อเนื่องของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ ที่สะท้อนมาจากการที่ดัชนี Accumulated Foreign Fund Flow กลับมาทำสัญญาณ Buy Signal อีกครั้ง และตราบใดที่นักลงทุนต่างชาติไม่กลับมาขายสุทธิต่อเนื่องอีกมากกว่า 2.0 หมื่นล้านบาท เป้าหมายในระยะ 1-2 สัปดาห์ที่การแกว่งขึ้นไปในกรอบ 1,650-1,700 จุดก่อนในเบื้องต้น

ในส่วนของกลยุทธ์ สำหรับการลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) เมื่อ SET ยังคงปิดเหนือ 1,600 จุดได้ เน้น “เก็งกำไรระยะสั้น” โดยมี 1,600 จุดเป็นจุดหมุน และจุด Cut Loss ในหุ้น CPALL, BJC, BEM, CRC, AOT, GPSC, PTTGC, WHA และ BDMS อีกครั้ง สำหรับการลงทุนระยะกลาง (1-3 เดือน) ในลักษณะ Long-Only แนะนำ “คงสัดส่วนการลงทุนในหุ้นมาอยู่ที่ระดับ 50% ของพอร์ต”

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยครับ สำหรับการพูดคุยกันระหว่างสัปดาห์นอกจากทาง Facebook ที่ www.facebook.com/wealthhuntersclub และ e-mail ที่ moobin.stockmania@gmail.com แล้ว แฟนๆ ยังสามารถติดตามมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนจาก “นายหมูบิน” ได้ในรายการ “เซียนเศรษฐกิจ” ทาง FM 97 ทุกวันอาทิตย์ เวลา 14.00-16.00 น. เช่นเดิมครับ


ภาพประกอบ : การวิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิครายวัน (Daily)

Source: Wealth Hunters Club

22