Oct 28, 20202 min

ช่วงสั้นยังมีโอกาสลงได้อีก...มีแต่ปัจจัยลบเต็มตลาด !

บรรยากาศตลาดหุ้นโลกยังมีความไม่แน่นอนอย่างต่อเนื่องก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 3 พ.ย. 2563 รวมทั้งประเด็นข้อตกลงในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังคงไม่ชัดเจน แม้ว่า Nancy Pelosi ประธานสภาผู้แทนของสหรัฐจะออกมาคาดการณ์ว่ามาตรการดังกล่าวจะได้รับการผลักดันให้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายได้ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี อย่างไรก็ดี Steven Mnuchin รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐออกมายอมรับว่าการบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พ.ย. 2563 ถือเป็นเรื่องยาก โดยทั้งสองฝ่ายยังคงมีความขัดแย้งกันในหลายประเด็น

นอกจากนี้ Goldman Sachs ยังตอกย้ำถึงความหวังที่น้อยลงว่าสภาสหรัฐคงจะสามารถบรรลุมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปกลับมาเป็นอีกหนึ่งปัจจัยกดดันอีกครั้ง จากการกลับมาดำเนินมาตรการล็อกดาวน์ครั้งใหม่เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ของหลายๆ ประเทศในยุโรป โดยเฉพาะ อิตาลี สเปน และอังกฤษ

ทั้งนี้บทวิจัยจาก UBS ระบุว่าประเทศต่างๆทั่วโลกกำลังเพิ่มมาตรการควบคุมรอบใหม่เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งมาตรการดังกล่าวถือเป็นความเสี่ยงมากที่สุดต่อภาวะเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ปีนี้

ความเชื่อมั่นที่ตกต่ำลงของตลาดหุ้นไทย สอดคล้องกับมุมมองในเชิงของปัจจัยพื้นฐาน หลังจากที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา Bloomberg Consensus ปรับประมาณการการขยายตัวของกำไรสุทธิในตลาดหุ้นไทยลงอีก 0.1% ลงมาอยู่ที่ -35.2% สวนทางกับการที่ Bloomberg Consensus ปรับประมาณการการขยายตัวของกำไรสุทธิในตลาดหุ้นโลก สหรัฐ และ Asia ex Japan ขึ้น 0.4%, 0.2% และ 0.4% ตามลำดับในสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นปี 2563 Bloomberg Consensus ได้ปรับประมาณการการขยายตัวของกำไรสุทธิในตลาดหุ้นไทยลงมาแล้วถึง 45.1% เทียบกับที่ Bloomberg Consensus ปรับประมาณการการขยายตัวของกำไรสุทธิในตลาดหุ้นโลก สหรัฐ ญี่ปุ่น และ Asia ex Japan ตั้งแต่ต้นปี 2563 ลง 28.3%, 24.7%, 39.6% และ 20.0% ตามลำดับ ขณะที่อัตราการขยายตัวของกำไรสุทธิปี 2563 ในตลาดหุ้นไทยที่ -35.2% ยังถือว่าอ่อนแอมากเมื่อเทียบกับอัตราการขยายตัวของกำไรสุทธิปี 2563 ในตลาดหุ้นโลก, สหรัฐ, ยุโรป, ญี่ปุ่น และ Asia ex Japan ที่ -9.1%, -3.4%, -21.3%, -27.7% และ -5.7% ตามลำดับ

แนวโน้มต่างชาติยังขายต่อ ! แนวโน้มของตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิคระยะสั้น “นายหมูบิน” ยังคงยืนยันมุมมองเดิมว่าสำหรับตลาดหุ้นไทย ตราบใดก็ตามที่ SET ยังคงไม่สามารถกลับไปปิด เพื่อสร้างฐานในกรอบ 1,270-1,300 จุดได้ การดีดตัวขึ้นช่วงสั้นยังคงมองว่าเป็นเพียงแค่การ Technical Rebound เท่านั้น และยังคงไม่สามารถยืนยันการปรับตัวขึ้นต่ออย่างจริงจังได้

ในทางตรงกันข้ามโอกาสที่ SET จะลงไปที่เป้าหมายการปรับตัวลงที่ระดับ Fid Node บริเวณ 1,150 จุดมีโอกาสมากกว่า โดยเฉพาะเมื่อบริเวณดังกล่าวเป็นเป้าหมายการปรับตัวลงตามรูปแบบ Descending Triangle ที่เกิดขึ้นหลังจาก SET หลุด Support Line บริเวณ 1,300 จุดลงมาด้วย โดยโอกาสที่นักลงทุนต่างชาติจะยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย หรือ Foreign Fund Flow จะยังคงไหลออกยังคงมีอยู่ แม้ว่าที่ผ่านมาจะขายสุทธิออกมาแล้ว 2.9 แสนล้านบาทตั้งแต่ต้นปี 2563 หลังจากที่ Indicator ระยะกลางอย่าง MACD ของดัชนี Accumulated Foreign Fund Flow ยังคงมีสัญญาณ “Negative Convergence” อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ทิศทางการไหลออกของเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทย เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาค สะท้อนออกมาจากการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติในกลุ่ม Emerging Market ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยที่ตลาดหุ้นไทยมีเงินทุนไหลออก 42.51 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์มีเงินทุนไหลออกราว 46.38 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 20.38 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยซื้อขายที่ระดับ P/E ratio ราว 21.14 เท่า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีที่ระดับ 16.96 เท่าค่อนข้างมาก หรือคิดเป็น Premium ถึง 24.64%

นอกจากนี้ถ้าเทียบกับระดับ P/E ratio ของดัชนี MSCI Asia ex Japan ที่ปัจจุบันอยู่ที่ 21.9 เท่า ถือว่าตลาดหุ้นไทยมีความน่าสนใจน้อยกว่าเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นภูมิภาคโดยเฉลี่ย เนื่องจากความสามารถในการทำกำไรของตลาดหุ้นไทยต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของ MSCI Asia ex Japan พอสมควร

ในส่วนของกลยุทธ์ สำหรับการลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) ตราบใดที่ SET ยังกลับไปยืนเหนือ 1,300 จุด (+/-) ไม่ได้ เน้น “ดีดขึ้นขาย” ในลักษณะ “Short Against” เพื่อรอกลับมาทยอยสะสมหุ้น CPALL, BJC, BEM, EGCO, BCH, GPSC, BTS, HMPRO และ ADVANC อีกครั้ง สำหรับการลงทุนระยะกลาง (1-3 เดือน) ในลักษณะ Long-Only แนะนำ “คงสัดส่วนการลงทุนในหุ้นมาอยู่ที่ระดับ 25% ของพอร์ต”

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยครับ สำหรับการพูดคุยกันระหว่างสัปดาห์นอกจากทาง Facebook ที่ www.facebook.com/wealthhuntersclub และ e-mail ที่ moobin.stockmania@gmail.com แล้ว แฟนๆยังสามารถติดตามมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนจาก “นายหมูบิน” ได้ในรายการ “เซียนเศรษฐกิจ” ทาง FM 97.00 เวลา 14.00-16.00 น. เช่นเดิมครับ


ภาพประกอบ : การวิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิครายวัน (Daily)

Source: Wealth Hunters Club

13