Mar 18, 20201 min

COVID-19 ยังอยู่นานนักลงทุนยิ่งกลัว

เฟดใช้ยาแรง !

ตลาดหุ้นโลกยังคงอยู่ในแนวโน้มของการพักตัวลงอย่างต่อเนื่องนะครับ โดยมีการแพร่กระจายของเจ้าเชื้อไวรัส COVID-19 เป็นต้นเหตุของทุกอย่าง ล่าสุดธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด จัดประชุมด่วนนอกกำหนดการ หรือ Unscheduled เป็นครั้งที่ 2 ในเดือนนี้ โดยการลดดอกเบี้ย Fed Fund Target Rate ลงอีก 1% มาอยู่ที่ 0% ต่ำสุดตั้งแต่ 2558 และออกมามาตรการ QE โดยการเข้าซื้อตราสารหนี้มูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์ออกมาด้วย ซึ่งถ้ามองแบบผ่านๆ เหมือนจะดีนะครับ แต่ในความเป็นจริงการดำเนินการของเฟดแบบนี้ ทำให้นักลงทุนในตลาดหุ้นโลกกังวลเพิ่มขึ้นแน่นอน กับความกังวลว่าเฟดเห็นตัวเลขผลกระทบจาก COVID-19 ที่น่าจะรุนแรงกว่าที่นักลงทุนคาด

ดังนั้นจากปัจจัยดังกล่าวตลาดหุ้นโลก รวมทั้งสินทรัพย์ทางการเงินต่างๆจะต้องเข้าสู่ช่วงของการปรับราคา หรือ Reappraisal Process อีกครั้งก่อนในเบื้องต้น ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าปัจจุบันนักลงทุนมีความวิตกกังวลต่อภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจจากการแพร่กระจายของเจ้าเชื้อไวรัส COVID-19 เพิ่มขึ้นอย่างมาก หลังจากที่ ขณะที่ WHO ได้ประกาศว่าไวรัส COVID-19 เพิ่มความรุนแรงเป็นขั้น "Pandemic" แล้วหรือเป็นโรคระบาดรุนแรงกระจายทั่วโลก ขึ้นมาจากขั้น "Epidemic" การระบาดทั่วไป

ทั้งนี้จากการที่ประธานาธิบดี Donald Trump ออกแถลงการณ์ระงับการเดินทางจากประเทศยุโรปทั้งหมด ยกเว้นอังกฤษ ในช่วง 30 วัน และจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสครั้งรุนแรงในประวัติศาสตร์ครั้งนี้ด้วย

อย่างไรก็ตามการออกมาตรการในครั้งนี้ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นใดๆ ให้กับนักลงทุนได้เนื่องจากยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนเปิดเผยออกมา ส่วนการระงับการเดินทางจากประเทศยุโรปทำให้การท่องเที่ยวจะหายไป การใช้จ่ายในประเทศและการใช้น้ำมันเครื่องบินก็จะน้อยลงไปอีก ทั้งนี้ล่าสุดยังมีรายงานอีกว่าการยกเลิกการบินระหว่างสหรัฐและยุโรปไปหนึ่งเดือนนั้น จะทำให้การใช้น้ำมันเครื่องบินสูญหายไป 180,000 บาร์เรลต่อวัน ทำให้ทางอุปสงค์ยังหายไปอีก รวมไปถึงการที่บาส NBA ก็ได้ยกเลิกเกมบาสทั้งหมดตลอดฤดูกาลแล้ว จนกว่าจะแจ้งให้ทราบอีกที และอาจจะกำลังมีการประกาศอื่นๆ อีกหลายอย่างตามมา เพราะความรุนแรงของไวรัส COVID-19 กำลังมากขึ้นเรื่อยๆ โดยอเมริกานั้นอยู่ในเฟส 3 และเศรษฐกิจกำลังจะโดนกระทบครั้งใหญ่

ขณะนี้ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสทั่วโลกนั้นสูงจะทะลุ 150,000 รายแล้ว และมียอดผู้เสียชีวิตทะลุ 5,000 รายทั่วโลก และหากไม่นับจีน ยุโรปกลายเป็นทวีปที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดแล้วที่เกินกว่า 20,000 ราย โดยเฉพาะที่น่ากลัวที่สุดคือที่อิตาลี ซึ่งประธานาธิบดี Donald Trump ใช้เป็นเหตุผลในการปิดเที่ยวบินจากยุโรป

ความกลัวยังกดดันตลาดหุ้นโลก ! ขณะที่ตัวช่วยอื่นๆ แทบไม่มีเข้าเลย โดยเฉพาะหลังจากที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ไม่อาจสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้ หลังมีมติไม่ลดดอกเบี้ยจากระดับ -0.5% ที่เป็นอยู่ ซึ่งสวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์ว่า ECB จะลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.1% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และบรรเทาผลกระทบจากการแพร่กระจายของเจ้าเชื้อไวรัส COVID-19

อย่างไรก็ตาม ECB เพียงแต่ประกาศมาตรการเสริมสภาพคล่องโดยการรับซื้อสินทรัพย์ทางการเงินเพิ่มเติมในจำนวน 1.2 แสนล้านยูโรจนถึงสิ้นปีนี้ ซึ่งนักลงทุนมองว่ายังไม่เพียงพอ ขณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายฉุกเฉิน 0.5% สู่ระดับ 0. 25% โดยมีเป้าหมายเพื่อรับมือกับผลกระทบที่เกิดจากการแพร่กระจายของเจ้าเชื้อไวรัส COVID-19

นอกจากนี้ยังได้ประกาศโครงการปล่อยกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำผ่านธนาคารพาณิชย์ (TFS) โครงการใหม่ เพื่อสนับสนุนบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลางรวมทั้งมาตรการใหม่เพื่อช่วยเหลือธนาคารพาณิชย์ให้ปล่อยเงินกู้มากขึ้นด้วย ซึ่งก็ดูเหมือนว่าจะช่วยลดการปรับตัวลงของตลาดหุ้นอังกฤษได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่กระจายของเจ้าเชื้อไวรัส COVID-19 ดังกล่าว สะท้อนออกมาจากการที่ดัชนี VIX Index ของตลาดหุ้นสหรัฐ, ยุโรป และฮ่องกงปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 90.48%, 115.81% และ 72.10% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งการที่ดัชนี VIX Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงความกลัวของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับผลสำรวจความเชื่อมั่นของนักลงทุนสหรัฐจาก AAII ที่ระบุว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา สัดส่วนนักลงทุนที่เชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐในระยะ 6 เดือนข้างหน้ายังคงเป็นขาขึ้น หรือ Bullish ลดลง 9.04% เมื่อเทียบจากสัปดาห์ที่ผ่านมามาอยู่ที่ 29.7% ขณะที่สัดส่วนนักลงทุนที่เชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐในระยะ 6 เดือนข้างหน้ากำลังกลับเป็นขาลง หรือ Bearish ที่เพิ่มขึ้น 11.66% เมื่อเทียบจากสัปดาห์ที่ผ่านมา มาอยู่ที่ 51.3%

ในส่วนของกลยุทธ์ สำหรับการลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) กรณีที่ SET ยังคงไม่สามารถกลับไปปิดในกรอบ 1,150 จุด (+/-) ได้ เน้น “ดีดขึ้นขาย” ในลักษณะ “Short Against” เพื่อรอกลับมาทยอยสะสมหุ้น PTTGC, PTTEP, BCP, EGCO, TISCO, SCC, HMPRO, AOT และ ADVANC อีกครั้ง สำหรับการลงทุนระยะกลาง (1-3 เดือน) ในลักษณะ Long-Only แนะนำ “ลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นมาอยู่ที่ระดับ 25% ของพอร์ต”

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยครับ สำหรับการพูดคุยกันระหว่างสัปดาห์นอกจากทาง Facebook ที่ www.facebook.com/wealthhuntersclub และ e-mail ที่ moobin.stockmania@gmail.com แล้ว แฟนๆยังสามารถติดตามมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนจาก “นายหมูบิน” ได้ ในรายการ “เซียนเศรษฐกิจ” ทาง FM97 ทุกวันอาทิตย์ เวลา 14.00-16.00 น.เช่นเดิมครับ

ภาพประกอบ : การวิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิค 15 นาที (15 Mins)

Source: Wealth Hunters Club

14