Jan 5, 20221 min

แบ็กอัพธุรกิจอสังหาฯ "ฉัตรชัย ศิริไล" กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์

ในรอบปี 2564 ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ภายใต้การนำของ นายฉัตรชัย ศิริไล นั่งเก้าอี้กรรมการผู้จัดการ วาระที่ 2 โดดเด่นในการช่วยเหลือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะประชาชนที่ต้องการมีบ้านจำนวนไม่น้อย

โดยธนาคารอาคารสงเคราะห์สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ จำนวน 215,701 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายในปี 2564 ซึ่งตั้งไว้ที่ 215,641 ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว แม้จะเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส COVID -19 ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563 จนถึงปัจจุบัน แต่ ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” ยังคงสามารถสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงการคลังในการช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง เพื่อความสุขของคนไทย เพื่อการยกระดับคุณภาพชีวิต และความมั่นคงในด้านที่อยู่อาศัย ด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มรายได้ เช่นโครงการบ้าน ธอส. เพื่อคุณ ปี 2564 อัตราดอกเบี้ยปีแรกเพียง 2.75% ต่อปี มียอดอนุมัติสะสมสูงถึง 53,280 ล้านบาท โครงการบ้าน ธอส. เพื่อสานรัก ปี 2564 อัตราดอกเบี้ยปีแรก 2.50% ต่อปี มียอดอนุมัติสะสม 21,280 ล้านบาท

โครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 อัตราดอกเบี้ยต่ำ 1.99% ต่อปี นาน 4 ปีแรก เงินงวดคงที่ 84 งวดแรก (7 ปี) ให้กู้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ บ้านมือสอง และทรัพย์ NPA หรือเพื่อปลูกสร้าง ในระดับราคาซื้อ-ขายไม่เกิน 1,200,000 บาท ณ วันที่ 3 ธันวาคม 2564 มีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ จำนวน 63,786 ราย คิดเป็นวงเงินสินเชื่อ 76,543.20 ล้านบาท ยื่นขอสินเชื่อแล้ว 5,575 ราย วงเงิน 4,840 ล้านบาท ได้รับอนุมัติสินเชื่อแล้ว 4,764 ราย วงเงิน 4,010 ล้านบาท แม้สถานการณ์ COVID-19 จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และรายได้ของประชาชน แต่ธนาคารยังสามารถปล่อยสินเชื่อได้สูงกว่าเป้าหมายตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม เร็วขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาที่ปล่อยสินเชื่อเกินเป้าได้ในวันที่ 21 ธันวาคม 2563

อีกทั้ง กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีนโยบายให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ให้จัดทำมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือลูกค้าผู้ประกอบการ SMEs และลูกหนี้รายย่อย ที่ได้รับผลกระทบจากการยกระดับมาตรการป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ธอส. จึงได้จัดทำ 2 มาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบโดยตรง คือ ลูกค้าทั้งที่เป็นนายจ้างและลูกจ้างในสถานประกอบการทั้งในพื้นที่ควบคุมฯ และนอกพื้นที่ควบคุมฯ ที่ต้องปิดกิจการจากมาตรการของทางการ ผ่าน “โครงการ ธอส. รวมไทยสร้างชาติ ปี 2564” ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทางด้านรายได้จากการประกอบอาชีพ/ธุรกิจ/การค้า จากการแพร่ระบาดของ COVID-19 และยังไม่สามารถผ่อนชำระเงินงวดได้ ซึ่งมีรายละเอียดความช่วยเหลือ ประกอบด้วย มาตรการพักชำระเงินต้นและพักชำระดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 3 เดือน ระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม-31 ตุลาคม 2564 สำหรับลูกค้าที่มีสถานะบัญชีปกติ และไม่อยู่ระหว่างการประนอมหนี้หรือสถานะกฎหมาย และมาตรการพักชำระเงินต้นและพักชำระดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 3 เดือน ระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม-31 ตุลาคม 2564 สำหรับลูกหนี้ที่มีสถานะ NPL (ค้างชำระเงินงวดติดต่อกันมากกว่า 3 เดือน ) หรืออยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้

นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประกาศผลคะแนนการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (ITA) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ธอส. ได้รางวัล ITA Awards 2021 ผลประเมินสูงสุดที่ 99.81 คะแนน อยู่ในระดับ AA และเป็นหน่วยงานที่ได้รับคะแนนประเมินสูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ในประเภทหน่วยงานรัฐวิสาหกิจเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน จากจำนวนหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่เข้าร่วมการประเมิน ITA รวมทั้งสิ้น 51 หน่วยงาน และยังเป็นการสร้างสถิติคะแนนประเมินสูงสุดใหม่ของธนาคารนับตั้งแต่เข้าร่วมประเมิน ITA เมื่อปี 2557 ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน จากเดิมที่เคยได้รับคะแนนประเมินสูงสุดในปี 2563 ที่ 99.60 คะแนนวิเคราะห์ ทบทวน เพื่อพัฒนา และ ปรับปรุงกระบวนการทำงาน ให้มีความถูกต้อง สมบูรณ์ ครบถ้วน และทันต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน อีกทั้งยังนำหลักการ 3 Lines of Defense มาเป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน ที่ทุกคนต้องร่วมกันรับผิดชอบต่อผลการปฏิบัติงาน มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อให้การดำเนินงานของธนาคารมีประสิทธิภาพ ในทุกมิติ บรรลุเป้าหมาย เกิดความเชื่อมั่นแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างยั่งยืน (Sustainability)

37