Dec 21, 20181 min

มองดัชนีปี 62 ดีกว่าปีนี้...ยึดหลักซื้อหุ้นดี มี Earning Growth

Interview: คุณอิสระ อรดีดลเชษฐ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา

ตลาดหุ้นไทยยังหล่อที่สุด แข็งแรงที่สุดเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน มั่นใจ...ดัชนีหุ้นปีหน้าจะดีกว่าปีนี้ มีโอกาสเด้งสู่ระดับ 1,900 จุด แต่การลงทุนต้องระวังมากขึ้น หุ้นจะไม่ขึ้นทุกตัว ยึดหลักซื้อหุ้นพื้นฐานดี มี Earning Growth ที่สำคัญคือจุดเข้าซื้อต้องไม่แพงเกิน ถ้าหุ้นขึ้นไปแล้วอย่ารีบผลีผลามเข้าซื้อ ให้รอจับจังหวะรอบต่อไปตามไซเคิล

มีมุมมองอย่างไรต่อเศรษฐกิจที่มีผลต่อตลาดหุ้นในปี 2562

ถึงแม้จะลงทุนในตลาดไทย แต่จริงๆ แล้ว ปัจจัยที่ทำให้เกิดการผันผวนเกือบทั้งหมดมาจากเรื่องของต่างประเทศล้วนๆ ต้องแยกเป็นประเด็นก่อนว่า ถ้าลงทุนอยู่แล้วเกิดขาดทุน อาจจะมองไม่ค่อยเคลียร์ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ต้องแบ่งเป็นประเด็นอย่างนี้ว่า จริงๆ แล้วพื้นฐานของเศรษฐกิจอยู่ในช่วงไหน ถ้าเป็นเรื่องนี้ขอบอกว่าโมเมนตั้มเศรษฐกิจทั้งโลกยังค่อนข้างแข็งแรง แต่มุมมองในอนาคตคือ ยังแข็งแรงอยู่จริง แต่ในครึ่งปีหน้าจะเป็นอัตราการขยายตัวที่ชะลอลงเรื่อยๆ จริงๆ แล้วเศรษฐกิจโลกรวมทั้งไทยผ่านช่วงที่ขยายตัวเร็วที่สุดไปแล้ว ตรงนี้เป็นสิ่งที่นักลงทุนต้องมองไปข้างหน้าว่าจากนี้ไปเราจะเริ่มเข้าสู่การชะลอตัว พอเข้าสู่การชะลอตัวคนก็จะเริ่มกังวลแล้วว่า ปัจจัยอื่นๆ ที่รอเราอยู่จะมีอะไรบ้าง ไล่มาก็จะมีความเสี่ยงเต็มไปหมด

1. ก็คือเรื่องสงครามการค้าซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่จบดีเสียทีเดียว ถึงแม้จะตกลงกันได้ว่าปีหน้ายังไม่ขึ้นภาษี 25% แต่เรื่องการกำหนดทิศทางการตกลงกันได้ของทั้งสองฝั่ง ยังอีกไกล ตรงนี้แค่ลดความเสี่ยงระยะสั้น แต่ระยะกลางและยาวยังคงต้องดูกันต่อไป ตรงนี้ถือเป็นเรื่องความเสี่ยงในปีหน้า

2. ถึงแม้ตลาดบางส่วนจะสบายใจว่า เฟดส่งสัญญาณว่าดอกเบี้ยอาจจะไม่ขึ้นแรงขนาดนั้น ดอกเบี้ยปัจจุบันใกล้ถึงจุดสมดุลแล้ว ต้องมองไปอีกนิดนึงว่าจริงๆ แล้วนักลงทุนหลายส่วนมองว่าพูดแบบนี้ก็จริง แต่พื้นฐานเงินเฟ้อของสหรัฐอเมริกายังมีแนวโน้มสูงขึ้น และสุดท้ายเขาเริ่มให้ความกังวลว่าจริงๆ แล้วเป็นอย่างนั้นจริงหรือเปล่า ทำให้เราเห็นเมื่อหลายวันก่อนว่าหลังจากเรื่อง Trade War ปลดล็อก หุ้นดาวน์โจนส์ก็ลงไปพันกว่าจุดแล้ว ตรงนี้เป็นความเสี่ยงที่มองกันอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น

ปัญหาต่างๆ ดังกล่าวรวมถึงปัญหาการจ้างงานของสหรัฐอเมริกาที่เพิ่มขึ้นไม่มาก ทำให้มองกันว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัว

เศรษฐกิจที่คาดว่าจะชะลออยู่แล้วนั้น ตอนนี้คนรอดูว่าชะลอเร็วขนาดไหน ปัจจัยที่กังวลจะทำให้การชะลอตัวเร็วกว่าที่คาดหรือไม่ เพราะนักลงทุนกลัวว่าจะแย่กว่าที่มองไว้ และเรื่องล่าสุดที่เป็นข่าวคือเรื่องพันธบัตรรัฐบาล ตัวตอบแทนพันธบัตรระยะยาวกำลังจะลงต่ำกว่าระยะสั้น ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าพันธบัตรระยะสั้น เป็นตัวสะท้อนนโยบายการเงิน คือเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยประมาณไหน ส่วนพันธบัตรระยะยาวเป็นตัวสะท้อนว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นอย่างไร อัตราการขยายตัวเงินเฟ้อเป็นอย่างไร พอนักลงทุนเอามาลบกันแล้วก็จะมองว่า ถ้าเกิดผลตอบแทนระยะยาวต่ำกว่าระยะสั้น ก็แปลว่านโยบายการเงินอาจจะตึงตัวเกินไป ก็เป็นสัญญาณทำให้คนกังวล เพราะตั้งแต่ปี 1968 เกิดเหตุการณ์แบบนี้ทั้งหมด 8 ครั้ง 7 ใน 8 ครั้งตามด้วยภาวะถดถอย ทีนี้ถามว่าแล้วตลาดหุ้นเกิดอะไรขึ้น ใน 7 ครั้งนั้น ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาปรับตัวลงประมาณ 40% และกว่าที่จะฟื้นตัวใช้เวลา 14 เดือน จากเหตุการณ์ในอดีตถามว่าน่ากังวลหรือไม่ คือน่ากังวล แต่ถ้าถามจริงๆ ว่าจะมีโอกาสมั้ยที่สัญญาณจาก Bond Yield จะเป็น Fire Alarm จริงๆ แล้วในอดีตก็เคยมีครั้งนึงที่ทำนาย ปัจจุบันต่างกันพอสมควรก็คือตั้งแต่วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ที่ผ่านมา มี 2-3 เรื่องที่เปลี่ยนไป 1. ธนาคารกลางเก่งขึ้นเยอะ 2. เรื่องของคิวอี ถ้าจำกันได้ ยังมีผลอยู่ว่าธนาคารกลางค่อยๆ ลดคิวอีลง ไม่ได้ทำอะไรรวดเร็วรุนแรง ยังมีผลช่วยเรื่องสภาพคล่องอยู่ 3. ถ้าดู Bond Yield ก็ต้องดูส่วนอื่นประกอบด้วย เช่น ถ้าตัวการจ้างงานยังไม่ปรับขึ้น การว่างงานยังไม่ปรับขึ้น ส่งสัญญาณเนกาทีฟ เพราะฉะนั้นต้องดูคู่กันไปว่า Bond Yield เด้งหรือยัง Bond Yield ลงหรือยัง

ถามว่าทำไมผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวลดลง ก็จะมี 2 เรื่อง เรื่องแรกลงตามราคาน้ำมัน เรื่องที่สองลงตามความกังวลในเศรษฐกิจโลก พอมีความกังวลคนก็มักจะไปถือพันธบัตรสหรัฐ พอไปถือกันเยอะๆ Bond Yield ก็เลยลง เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่อย่างไรก็ตาม อย่าเพิ่งตระหนกเกินไป ส่วนตัวมองว่าตรงนี้ต้องรอข้อพิสูจน์ว่าจริงๆ แล้วจะนำไปสู่การชะลอตัวจริงๆ หรือเปล่า แต่คิดว่าปัจจุบันถ้าดูจากตัวเลขเศรษฐกิจองค์รวม มองว่าน่าจะยังไม่ใช่

ตลาดหุ้นไทยที่ตกส่วนหนึ่งเพราะต่างชาติเทขาย ดูแล้วจะเป็นอย่างไร

ช่วงที่ขายกันหนักๆ เรียกว่าขายกันมาตลอดทั้งปี จริงๆ ส่วนหนึ่งมาจากค่าเงินสหรัฐอเมริกาแข็งค่าขึ้นมาตลอด ถามว่าเราเป็นเหยื่อคนเดียวหรือเปล่า จริงๆ ไม่ใช่ ตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดที่ถ้าเทียบกับเพื่อนบ้านน่าจะเป็นตลาดที่หล่อที่สุดอยู่แล้ว เป็นเพราะพื้นฐานทางเศรษฐกิจของเรา โดยเฉพาะเรื่องของปัจจัยต่างประเทศถ้าเทียบกับเพื่อนบ้าน เราแข็งแรงที่สุด ฉะนั้นเราลงจริง แต่ลงในอัตราที่น้อยกว่าคนอื่น ถามว่าฝรั่งขายจริงมั้ย คือขายจริงและขายเยอะด้วย

ทีนี้ถ้าเรามองไปข้างหน้า อยากจะให้ดูข้อมูลอันนึง คือเรื่องของการถือครองอีเมอจิ้นมาร์เก็ตอีทีเอฟ ก็คือถือครองทั้งภูมิภาคเลย ของเมืองไทยจะเป็นประมาณสัก 2% กว่าในตะกร้านี้ ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณการกลับเข้ามาซื้อของตัวอีเมอจิ้นมาร์เก็ตอีทีเอฟบ้างเหมือนกัน ตัวกำหนดก็คือค่าเงินดอลลาร์ เมื่อไหร่ค่าเงินดอลลาร์ที่เป็นดัชนีเริ่มค่อยๆ อ่อนค่าลง เราจะเริ่มเห็นว่านักลงทุนในตลาดโลกจะค่อยๆ กลับไปทยอยถือตัวอีเมอจิ้นมาร์เก็ตอีทีเอฟมากขึ้น รวมถึงของตลาดไทยด้วย ถ้าเป็นค่าเงินของสหรัฐอเมริกาจะเริ่มดูออก คิดว่าเราพอที่จะเห็นไดเร็กชั่น ดอลลาร์พีคไปแล้ว 97% ที่ผ่านมา และตอนนี้เริ่มค่อยๆ อ่อนลงมา ขณะที่การขายหุ้นไทยของต่างประเทศมองว่าน่าจะลดความร้อนแรงลง คือยังขายอยู่ได้บ้าง แต่การขายหนักๆ อย่างหลายเดือนก่อนน่าจะเริ่มลดความร้อนแรงลงแล้ว

การเลือกตั้ง ช่วยอะไรได้มั้ย

จริงๆ ตอนนี้คิดว่าหลายท่านก็รอดู ไม่ใช่ว่าไม่ช่วยเลย มีคนหลายคนมองเรื่อง Pre-Election Rally เพียงแต่เรื่องการเมืองถูกปัจจัยภาพใหญ่ข้างนอกกลบมิดเลย ก็คงต้องให้เวลาใกล้อีกนิดนึง เพื่อรอดูว่าพอเลือกตั้งไปแล้ว ผลออกมาจะเป็นอย่างไร สิ่งที่สำคัญคือ ไม่ใช่ว่าจะเลือกตั้งหรือไม่เลือกตั้ง สิ่งที่สำคัญคือเลือกตั้งมาแล้ว หน้าตารัฐบาลจะเป็นอย่างไร สามารถที่จะผลักดันนโยบายต่อเนื่องได้มั้ย อันนี้ยังเป็นสิ่งที่นักลงทุนส่วนใหญ่ยังตีโจทย์ไม่แตกว่าออกมาจะเป็นอย่างไร เพราะมันยังมีเวลาพอสมควร และพอถึงจุดหนึ่ง พอเราเห็นหน้าตา เห็นนโยบาย ตรงนั้นจึงจะเริ่มมีบทบาทกับตัวตลาดหุ้น เพราะฉะนั้นต้องดูว่านโยบายจะเป็นอย่างไรมากกว่า

หุ้นปีหน้าจะดีกว่าปีนี้หรือไม่

ปีหน้าจะดีกว่าปีนี้ เรายังมองดัชนีปลายปีนี้ที่ 1,800 จุด ส่วนปีหน้า 1,900 จุด คือมีโอกาสเด้ง แต่การลงทุนต้องใช้ความระวังมากขึ้น เพราะจากนี้ต่อไปไม่ใช่ซื้อหุ้นอะไรก็ขึ้นได้หมด สิ่งที่ต้องยึดเอาไว้คือซื้อหุ้นพื้นฐานดี มี Earning Growth และจุดเข้าซื้อต้องไม่แพงเกินไป รอใจเย็นๆ ถ้าขึ้นไปแล้ว รออีกรอบก็ได้แล้วค่อยกลับไปซื้อ เพราะหุ้นเป็นไซเคิล ไม่ได้ขึ้นเป็นเส้นตรง

34