Aug 31, 20171 min

ยึดจากผู้ถือหุ้นใหญ่ APFH...ขายทอดตลาดหุ้น GL ยันไม่กระทบบริษัท

กรุ๊ปลีส หรือ GL ยังไม่จบ..เจ้าพนักงานบังคับคดี ประกาศขายทอดตลาดหุ้น GL ในส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท เอ.พี.เอฟ. โฮลดิ้งส์ กว่า 13 ล้านหุ้น ด้าน ทัตซึยะ โคโนชิตะ ประธานคณะกรรมการบริหาร ยืนยันไม่กระทบการดำเนินงานของบริษัท และมีการเตรียมหาแนวทางขอคัดค้านการขายทอดตลาดนี้แล้ว ขณะที่ลูกหนี้กลุ่มไซปรัสคืนเงินกู้ก่อนกำหนด รายได้หดแต่สภาพคล่องเพิ่ม

จากกรณี สำนักงานบังคับคดีแพ่งกรุงเทพมหานคร 2 ออกประกาศเตรียมนำหุ้น GL ในส่วนที่บริษัท เอ.พี.เอฟ. โฮลดิ้งส์ จำกัดถืออยู่ออกขายทอดตลาด (บริษัท เอ.พี.เอฟ. โฮลดิ้งส์ เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ของ GL โดยถือหุ้น 158,911,191 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 10.42% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด)

นายทัตซึยะ โคโนชิตะ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส หรือ GL ได้ออกชี้แจงในทันทีว่า การบังคับขายดังกล่าว เกิดจากคดีความในคดีศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ที่เกิดขึ้นระหว่างโจทก์ และบริษัทเอ.พี.เอฟ. โฮลดิ้งส์ โดยหุ้นที่ถูกนำออกขายทอดตลาดนั้น มีจำนวนทั้งสิ้น 13,395,771 หุ้น ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.87% ของจำนวนหุ้น GL ทั้งหมด โดยที่ GL ไม่มีส่วนต้องรับผิดชอบชดใช้เงินแต่อย่างใดและไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ ขณะที่ผู้บริหารบริษัท เอ.พี.เอฟ. โฮลดิ้งส์ อยู่ระหว่างหาแนวทางคัดค้านการนำหุ้นออกขายทอดตลาด ภายหลังการขายทอดตลาดครั้งนี้ บริษัท เอ.พี.เอฟ. โฮลดิ้งส์ จะยังคงเหลือหุ้น GL ที่ถือครองอยู่อีกจำนวน 145,515,420 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 9.53% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด มั่นใจไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงสถานะในการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่

“การที่สำนักงานบังคับคดีแพ่งกรุงเทพมหานคร 2 มีประกาศขายทอดตลาดหุ้น GL ครั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่าบริษัท เอ.พี.เอฟ. โฮลดิ้งส์ ไม่มีความสามารถชำระเงินให้แก่โจทก์แต่อย่างใด ขณะเดียวกัน จะไม่มีหุ้นหรือสินทรัพย์อื่นๆ ของบริษัท เอ.พี.เอฟ.โฮลดิ้งส์ ที่จะต้องถูกนำมาขายทอดตลาดเพิ่มเติมในภายหลัง

เราขอให้ความมั่นใจแก่ผู้ถือหุ้นว่าการนำหุ้นออกขายทอดตลาดครั้งนี้ เป็นคดีความที่เกิดขึ้นระหว่างโจทก์และบริษัท เอ.พี.เอฟ. โฮลดิ้งส์ ดังนั้น GL จึงไม่มีส่วนที่เกี่ยวข้องในความรับผิดชอบหรือชดใช้เงินให้แก่โจทก์”

นอกจากกรณีการถูกบังคับขายทอดตลาดหุ้นกว่า 13 ล้านหุ้นแล้ว ล่าสุด GL ยังได้รายงานตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ลูกหนี้กลุ่มไซปรัสได้เข้าเจรจากับ GLH เพื่อชำระเงินกู้ยืมคืนล่วงหน้าตามสัญญาเงินกู้บางฉบับ ซึ่งได้มีการตกลงให้คืนวงเงินกู้ก่อนกำหนดได้แม้ว่าจะเสียโอกาสในเรื่องของรายได้ดอกเบี้ยในอนาคตก็ตาม เนื่องจากบริษัทต้องการดำรงให้มีสภาพคล่องทางการเงินมากกว่า โดยลูกหนี้กลุ่มไซปรัส ขอคืนเงินก่อนครบกำหนดจำนวนทั้งสิ้น 13.136 ล้านดอลลาร์ หรือ 436.95 ล้านบาท เหลือที่ลูกหนี้กลุ่มไซปรัสยังค้างชำระ 16.46 ล้านดอลลาร์ หรือ 547.55 ล้านบาท

“ทาง GLH ได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ทาง GLH จึงได้อนุญาตให้ผู้กู้กลุ่มไซปรัส ชำระเงินกู้ยืมคืนล่วงหน้าตามที่ร้องขอ โดยจากสถานการณ์ในปัจจุบันทางบริษัทเห็นว่าการอนุญาตให้ผู้กู้กลุ่มไซปรัสชำระเงินกู้ยืมคืนล่วงหน้าจะเป็นผลประโยชน์ต่อบริษัทอย่างมาก เนื่องจากการชำระเงินกู้ยืมคืนล่วงหน้าดังกล่าวจะช่วยรักษาสัดส่วนเงินกู้ยืมกับหลักประกันให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และทำให้การบริหารความเสี่ยงด้านสินเชื่อมีความเหมาะสมมากขึ้น แม้ว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อรายได้จากดอกเบี้ยในอนาคต”

ทั้งนี้ ภายหลังจากที่มีการชำระคืนเงินกู้ยืมล่วงหน้าเต็มจำนวนของกลุ่มลูกหนี้ไซปรัส ได้มีการปลดหุ้นสามัญของบริษัทจำนวน11,500,000 หุ้น จากการเป็นหลักประกันที่นำมาวางไว้ให้แก่ GLH ที่ถูกวิจารณ์กันมาก่อนหน้านี้ว่าทำไมจึงยอมให้ลูกค้าใช้หุ้น GL มาการค้ำประกันการกู้เงินจาก GL เอง

56