Dec 7, 20161 min

ททท.ชูอาหารท้องถิ่น - กระตุ้นท่องเที่ยวไทย

ททท. มอบใบประกาศนียบัตรฯ 138 ร้าน รับรองมาตรฐาน 25 เมนูถิ่นทั่วประเทศ และ 6 เมนู Amazing Thai Taste การันตีรสชาติ ความสะอาด พร้อมบริการนักท่องเที่ยว หวังสร้างกระแสความเชื่อมั่น การเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มมากขึ้น

พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ กล่าวว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ได้ดำเนินโครงการเสริมสร้างมาตรฐานอาหารถิ่น “สุขใจชวนกิน อาหารถิ่นต้องห้ามพลาด” เพื่อชูอาหารไทยในท้องถิ่นเสริมกระแสการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศให้เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว รวมถึงเป็นการผลักดันให้เป็นสินค้า ทางการท่องเที่ยวแบบวิถีไทย โดยร้านอาหารที่ได้รับการคัดเลือกต้องเป็นร้านที่ให้บริการอาหารถิ่นที่กำหนด มีรสชาติแบบดั้งเดิม ใช้วัตถุดิบท้องถิ่น อร่อย สะอาด และถูกสุขลักษณะ ซึ่งได้กำหนดพื้นที่การดำเนินโครงการไว้ 29 จังหวัด แบ่งเป็น เมนูอาหารท้องถิ่น 5 ภาค ดำเนินการในพื้นที่ “12 เมืองต้องห้าม...พลาด” และ “12 เมืองต้องห้าม...พลาดพลัส” รวม 24 จังหวัด

ในส่วนของเมนู อาหารไทยยอดนิยม จากโครงการ อะเมสซิ่ง ไทย เทสต์ ดำเนินการใน 5 จังหวัดหลักทางการท่องเที่ยว ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต ชลบุรี และกรุงเทพ โดยได้ดำเนินการตั้งแต่เดือนสิงหาคมและเสร็จสิ้นในเดือนตุลาคม 2559

“โครงการเสริมสร้างมาตรฐานอาหารถิ่น ถือเป็นโครงการที่ดี ดังเห็นได้จากแนวคิดในการดำเนินการ มุ่งส่งเสริมให้อาหารท้องถิ่น ซึ่งถือเป็นอาหารประจำภาค จนถึงอาหารประจำชาติ มีมาตรฐานรอบด้านและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติได้เปิดประสบการณ์ในการเลือกรับประทานอาหาร ตามเมนูอาหารถิ่น ต้องห้ามพลาดในทุกครั้งที่เดินทางท่องเที่ยว ซึ่งแน่นอนว่าย่อมส่งผลดีให้กับการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจท้องถิ่น”

ด้าน นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือททท.กล่าวว่า ททท. ในฐานะหน่วยงานที่ขับเคลื่อนทางด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและได้ดำเนินการส่งเสริมการเดินทางในประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาการท่องเที่ยวในทุกมิติ รวมถึงอาหารการกิน ซึ่งถือเป็นหนึ่งสินค้าทางการท่องเที่ยวที่สามารถสร้างแรงจูงใจในการเดินทาง รวมทั้งสร้างมูลค่าให้ทรัพยากรท้องถิ่นได้อีกทางหนึ่ง

“คาดว่าจะสามารถสร้างกระแสการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ และสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยว ซึ่งเมนูและร้านอาหาร ที่ได้รับประกาศนียบัตรในครั้งนี้ ได้ผ่านการตัดสินจากผู้ทรงคุณวุฒิด้านอาหารและวัฒนธรรม เพื่อให้มั่นใจได้ว่าได้ร้านอาหารที่ได้มาตรฐานเหมาะสมแก่การแนะนำให้นักท่องเที่ยวได้ใช้บริการ”

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าว ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากร้านอาหารที่ได้ผ่านการคัดเลือก ในขั้นต้น จำนวนมากกว่า 300 ร้านอาหาร และคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ได้ทำการลงพื้นที่เพื่อทำการพิจารณา ประเมิน และให้คะแนนร้านอาหาร ด้วยการทำงานร่วมกันกับ สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม, อะเมสซิ่ง ไทย เทสต์, แทรเวลแชนแนลไทยแลนด์ และ โรงเรียนการอาหารไทย เอ็ม เอส ซี โดยมีจำนวนร้านอาหารทั่วประเทศที่ผ่านมาตรฐานจำนวน 138 ร้าน แบ่งเป็น ภาคเหนือ เมนู น้ำพริกหนุ่ม-ไส้อั่ว ลาบคั่ว ข้าวซอย ขนมจีนน้ำเงี้ยว และ แกงฮังเล ได้รับคัดเลือก จำนวน 26 ร้าน ภาคกลาง เมนู น้ำพริกกะปิ แกงคั่ว หลน ปลาดุกผัดเผ็ด และฉู่ฉี่ ได้รับคัดเลือก จำนวน 20 ร้าน

ส่วนภาคอีสาน ได้แก่เมนู แกงอ่อม ไก่ย่าง ไส้กรอกอีสาน ลาบเป็ด และซุปหน่อไม้ ได้รับคัดเลือก จำนวน 16 ร้าน ภาคตะวันออก เมนู เส้นจันท์ผัดปู ปลากะพงทอดน้ำปลา แกงหมูชะมวง น้ำพริกไข่ปู และไก่บ้านต้มระกำ ได้รับคัดเลือก จำนวน 15 ร้าน และภาคใต้ เมนู คั่วกลิ้ง น้ำพริกกุ้งเสียบ แกงส้มปักษ์ใต้ แกงไตปลา และผัดสะตอ ได้รับคัดเลือก จำนวน 28 ร้านและ เมนู อะเมสซิ่ง ไทย เทสต์ ได้แก่ มัสมั่น ต้มยำกุ้ง ส้มตำไทย ผัดไทย ต้มข่าไก่ และแกงเขียวหวาน จากร้านอาหารในจังหวัดท่องเที่ยว 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดภูเก็ต จังหวัดชลบุรี และกรุงเทพฯ ได้รับคัดเลือก จำนวน 33 ร้าน

6