top of page
312345.jpg

ปรับโครงสร้างราคาปาล์ม ทุกฝ่ายสามารถอยู่รอด


Interview: คุณนัส พุทธรัตน์ ประธานสมาพันธ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย

ราคาปาล์มขยับขึ้นกว่าเท่าตัว มาเป็นกิโลละกว่า 3 บาท ชาวสวนปาล์มน้ำมันยิ้มได้อีกครั้งหลังขาดทุนมาเป็นปี แต่ราคานี้ยังไม่ได้กำไร อยากให้เพิ่มเป็นกิโลละ4 บาท เพื่อให้อยู่ได้โดยไม่ต้องกู้หนี้ยืมสิน มั่นใจขึ้นหลังกรมการค้าภายในร่วมเข้ามาแก้ปัญหา ออกมาตรการที่เป็นธรรมต่อเกษตรกร แจง...หากปรับโครงสร้างราคาให้เหมาะสม เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย ทั้งเกษตรกร โรงงาน ผู้บริโภค จะเป็นการส่งเสริมระบบปาล์มน้ำมันของไทยอย่างยั่งยืน

ราคาปาล์มขณะนี้ปรับขึ้นจากบาทกว่าเป็น 3 บาทกว่า

พอยิ้มได้ จากที่ขาดทุนมาเป็นปี

ต้นทุนที่อยู่ได้ เฉลี่ยประมาณเท่าไหร่

ถ้าตามสำนักงานเศรษฐกิจระบุอยู่ที่ 3-3.8 บาท แต่ไม่ทราบเหตุผลกลไกอย่างไร สำนักงานเศรษฐกิจไปลดต้นทุนมันลงมาอีกเหลือ 3.10 บาท ราคายิ่งถูก ต้นทุนยิ่งต่ำ เราก็ไม่ทราบว่าเอาความคิดนี้มาจากส่วนไหน อย่างไรก็ตาม เกษตรกรก็ต้องรู้จักลดต้นทุนตัวเอง แต่จากที่ราคา 1.60 บาท มันไม่ไหวจริงๆ ขาดทุนมาเยอะมากเป็นปี ต้องช่วยกันเพื่อให้ระบบปาล์มมันยุติธรรมเพื่อให้เกษตรกร หรือให้สวนปาล์มอยู่คู่กับประเทศไทย ก่อนที่เราจะเลิกทำสวนปาล์ม แล้วไปซื้อน้ำมันปาล์มจากประเทศมาเลเซียหรืออินโดนีเซียมาใช้

ราคาที่ขึ้นมาได้เกือบ 1 เท่าตัว เกิดจากอะไร

การขึ้นมาเกือบเท่าตัวก็ยังเป็นราคาที่เกษตรกรยังไม่ได้กำไร การที่ราคาขึ้นมาดังกล่าว เพราะทุกอย่างมันต้องสอดคล้องกัน ซึ่งเราเรียกร้องมาหลายรัฐบาล หลายอธิบดี แต่พอมาถึงอธิบดีท่านวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน คือท่านวางระบบตามแบบยั่งยืนถาวรให้ ต่อไปเราไม่ต้องกลัวแล้วว่าเราจะขายปาล์มต่ำกว่าทุน มาตรการที่ออกมาข้อหนึ่งก็คือ 28% ต่อไปที่โรงงานจะมาซื้อปาล์ม บอกว่าเกษตรกรได้ 14-15% ไม่ได้แล้ว ต้องมาซื้อ 28% เท่านั้น ดังนั้น เกษตรกรก็ต้องพัฒนาคุณภาพตัวเองให้ได้ 18-20% นี่คือมาตรการระยะยาวที่กำหนดมาเป็นกฎหมายแล้ว เมื่อก่อนปล่อยให้ใช้สายปาล์มชี้วัดเองว่า 14-15% ถึงมีปัญหามาตลอด เราเรียกร้องมาตลอด 14-15% เราหมายถึงปริมาณน้ำมันที่ผลิตได้ คือปาล์ม 100 กิโลกรัมได้ 14-15 กิโลกรัม ต่อไปต้องได้ 18 กิโลกรัมเท่านั้น พอได้ 18 กิโลกรัม ทำให้ราคาปาล์มสูงขึ้น

แล้วก็ต้องไปดูความสมดุลอย่างอื่นในลดการสต๊อกน้ำมันปาล์ม จะลดได้อย่างไร ตอนนี้กระทรวงพลังงานร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กรมการค้าภายใน กำหนดมาตรฐานให้แล้ว คือกำหนดให้จากบี 7 เป็น บี 10 บี 20 แล้ว ตัวนี้สามารถลดสต็อกน้ำมันปาล์มที่ว่าเกินอยู่ 5 แสนตัน ต่อไปจะสมดุล จะทำให้ราคาปาล์มดีขึ้น ตรงนี้ต้องว่ากันตามเหตุตามผล

ที่ช่วยซื้อไปป้อนโรงไฟฟ้า

ตัวนี้คือการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เมื่อก่อนก็แก้ปัญหาอย่างนี้ พอราคาปาล์มต่ำ รัฐก็เข้าแทรกแซง อย่างนี้มันก็แก้ไม่จบ แต่ตอนนี้มันน่าจะจบ พร้อมมาตรการต่างๆที่มา เป็นกฎหมาย และเป็นมาตรการระยะยาว ถ้าอย่างนี้เกษตรกรสวนปาล์มน่าจะมีโอกาสที่ขายปาล์มไม่ต่ำกว่าทุน

ราคาที่อยากได้

ที่จริงเราเรียกร้องกันมานานว่าเกษตรกรควรขายปาล์มไม่ต่ำกว่า 4 บาท เพื่อให้เราอยู่ได้ ไม่ได้ร่ำรวย ไม่ต้องไปกู้ธ.ก.ส.มาใช้ มีเงินส่งลูกเรียน มาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน อย่างนี้

เลิกสวนปาล์มไปทำอย่างอื่นได้ไหม

ไม่มีหรอก การเกษตรจะมีอะไร ประเทศไทยเหมาะมากกับปาล์มน้ำมัน พื้นที่ประเทศไทยมีอีกเยอะ ถ้าเราทำระบบปาล์มให้ดีขึ้น คือให้ความเป็นธรรมกับทุกภาคส่วน ไม่ปล่อยให้เกษตรกรขาดทุนเจ้าเดียวหรือฝ่ายเดียว โรงงานก็ต้องรู้ว่าเกษตรกรทำผลผลิตให้ท่าน แล้วท่านไปทำกำไรเท่าไหร่ แล้วให้เกษตรกรเท่าไหร่ ซึ่งเป็นที่มาที่ไปของ คือการทำโครงสร้างของราคาแบบยั่งยืน ตอนนี้กำลังประชุมกันอยู่ กำลังทำ ถ้าทำได้ แล้วมีพ.ร.บ.ก็จะแก้ปัญหาได้ อย่าง พ.ร.บ.นี่เราทำมา 4 ปี แต่ก็โดนพับไว้ ไม่มีผลอะไร เห็นว่ารัฐบาลใหม่นี้จะหยิบเข้ามาในครม.ใหม่ แล้วมายกร่างใหม่ คือนำยกร่างเดิมมาแก้ไขปรับปรุงให้ได้รับความเป็นธรรมทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกร โรงงาน ผู้บริโภค ทุกคนต้องได้รับความยุติธรรม อย่างไปบังคับให้เขาขายในราคาสูง คือมันไม่ถูกต้อง พอเอามาจัดโปรโมชัน แทนที่ราคาสมควรจะเป็นเท่าไหร่ พอจัดเป็นโปรโมชัน เอาราคาโปรโมชันไปต่อรองกับโรงงานสกัดเพื่อจะลดราคา พอเกษตรกรขาดทุนก็ออกมาเรียกร้องให้ยกเลิกโปรโมชัน คุณขายในราคาที่คุณซื้อมาเท่าไหร่ สมควรจะเอากำไรเท่าไหร่ แต่พอไปขายต่ำจากจัดโปรโมชัน เอาราคาโปรโมชันมาลดราคากับเกษตรกร ดังนั้นเกษตรกรจึงเหลือราคา 1.60 บาท

14 views
bottom of page